คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้น มิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวด้วย ดังนั้นถ้าปรากฏเพียงว่า จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ให้ชำระหนี้แล้วรวม 2 ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน และจำเลยยังมิได้ชำระหนี้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใด ทั้งจำเลยได้นำสืบว่าหนี้ระงับแล้วและจำเลยอยู่ในฐานะจะชำระหนี้ได้ จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยลงชื่อสลักหลังต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค และผู้สั่งจ่ายหลบหนีไปโจทก์จึงทวงถามจากจำเลยเป็นหนังสือ 2 ครั้งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วัน แต่จำเลยไม่ชำระพฤติการณ์ของจำเลยต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยให้การว่ามิได้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหากเป็นหนี้โจทก์จริงก็ยังมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบได้ความเพียงว่าจำเลยได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้จากโจทก์แล้วรวม 2 ครั้งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 30 วันและจำเลยยังมิได้ชำระหนี้โจทก์จึงถือว่าพฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้ย่อมต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้แล้ว ดังนี้ เห็นว่าการที่ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ใดเป็นบุคคลล้มละลายนั้นมิใช่อาศัยแต่ลำพังข้อเท็จจริงอันเป็นเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายเพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องพิเคราะห์ถึงเหตุผลอื่นมาประกอบที่พอแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยตกอยู่ในฐานะผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจริงเพราะการวินิจฉัยให้บุคคลใดล้มละลายนั้นย่อมกระทบถึงสิทธิและเสรีภาพในการดำรงชีวิตตามกฎหมายตลอดจนสถานะของบุคคลและสิทธิในทางทรัพย์สินของผู้นั้นโดยตรงอันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนกฎหมายจึงให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้างขวางดังจะเห็นได้จากบทบัญญัติในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายที่ให้อำนาจศาลยกฟ้องโจทก์เสียได้หากมีเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ายังไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลายแม้จะเข้าเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวแล้วก็ตาม ดังนั้น ลำพังแต่ทางนำสืบของโจทก์ซึ่งได้ความตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่นมาสนับสนุนแสดงให้เห็นถึงฐานะของจำเลยว่าตกอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างใดแล้วเพียงเท่านี้จึงยังไม่พอถือว่าจำเลยสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลายตามฟ้อง
พิพากษายืน.

Share