แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถึงจำเลยจะเป็นเพียงบริษัทนายหน้าในการประกันภัย และที่ปรึกษาประกันภัย แต่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยแสดงออกในการติดต่อให้โจทก์นำเอาความเสี่ยงภัยที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไปประกันภัยต่อแก่ผู้รับประกันภัยซึ่งอยู่ต่างประเทศนั้นเกินเลยกว่าการเป็นนายหน้า แม้ผู้รับประกันภัยต่อมิได้มีหนังสือแต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทนให้กระทำในกิจการดังกล่าว แต่การปฏิบัติของผู้รับประกันภัยต่อได้ยินยอมให้จำเลยปฏิบัติงานแทนตนตลอดมา จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นตัวแทนของผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 วรรคสอง ในกรณีเช่นนี้ตัวการไม่จำต้องแต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือและไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 798 เมื่อตัวการซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยต่ออยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนทำสัญญาประกันภัยต่อแทนตัวการ จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยต่อตามลำพังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 จำเลยฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยจึงไม่ใช่บุคคลภายนอกตามความหมายในหมวดที่ว่าด้วยความรับผิดของตัวการและตัวแทนต่อบุคคลภายนอก จำเลยไม่มีสิทธิรับประกันภัยตามกฎหมายเพราะไม่มีใบอนุญาตและไม่มีวัตถุประสงค์ในการรับประกันภัย จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ แต่จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และได้เอาความเสี่ยงภัยและเงื่อนไขข้อตกลงอย่างเดียวกันตามกรมธรรม์ที่โจทก์ทำไว้กับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยไปประกันภัยต่อไว้แก่บริษัทพรีเซอร์วาตริเซ ฟองซิเอร์ จำกัด บริษัทอริก จำกัด บริษัทนิวแฮมเชียร์ จำกัด (ปารีสและลอนดอน) บริษัทเอเฟีย จำกัด(นิวยอร์ก) และบริษัทฟาเรซ จำกัด (กลุ่มรอแยลอินชัวรันส์ในประเทศฝรั่งเศส) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัยอยู่ต่างประเทศโดยจำเลยในฐานะตัวแทนดำเนินการทำสัญญาประกันภัยต่อให้โจทก์แทนตัวการผู้รับประกันภัยในต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศดังกล่าว ต่อมาโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยในฐานะตัวแทนผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศให้จัดการชำระเบี้ยประกันภัยคืนแก่โจทก์เป็นเงิน549,181.42 บาท แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน631,558.71 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน549,181.42 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยปฏิบัติงานในฐานะนายหน้ามิใช่เป็นตัวแทนของบริษัทในต่างประเทศ และการประกันภัยเป็นกิจการที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อกิจการอันนั้นจึงมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย จำเลยเพียงแต่ชี้ช่องให้โจทก์ติดต่อกับบริษัทในต่างประเทศเท่านั้น มิได้รับมอบให้กระทำการเป็นตัวแทนหรือมีหลักฐานการเป็นตัวแทนเป็นหนังสือ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 586,420.43 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 549,181.42 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นเพียงนายหน้ามิได้เป็นตัวแทนของผู้รับประกันภัยซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยเข้ามาติดต่อกับบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศรับโอนการเสี่ยงภัยของโจทก์เพื่อเฉลี่ยความรับผิดที่อาจจะมีขึ้นต่อทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัยตามความต้องการของโจทก์นั้น การกระทำของจำเลยเกินเลยกว่านายหน้าซึ่งเป็นเพียงผู้ชี้ช่องหรือจัดการให้เขาได้ทำสัญญากับบุคคลภายนอกเท่านั้น แม้ที่หัวกระดาษหนังสือตอบโต้ของจำเลยระบุว่า จำเลยเป็นนายหน้าและที่ปรึกษาประกันภัยก็ตาม แต่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยแสดงออกตั้งแต่มีหนังสือถึงโจทก์แจ้งข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆในกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศให้โจทก์ทราบ การรับเบี้ยประกันภัยจากโจทก์ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนความเสียหายของผู้เอาประกันภัยตามจำนวนที่โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบ และจำเลยได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ตามที่เรียกร้อง เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยจ่ายคืนเบี้ยประกันภัยส่วนที่เกิน จำเลยก็แจ้งให้โจทก์ทราบว่ากำลังติดต่อเร่งรัดบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศอยู่ในการติดต่อบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศของโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบมาทุกระยะ บริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศดำเนินการต่าง ๆ ก็กระทำผ่านจำเลย แม้ว่าบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศมิได้มีหนังสือแต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทนให้กระทำในกิจการดังกล่าว แต่การปฏิบัติของบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้ยินยอมให้จำเลยปฏิบัติงานแทนตนตลอดมา จำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทผู้รับประกันภัยต่อในต่างประเทศโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 วรรคสองในกรณีเช่นนี้ตัวการไม่จำต้องแต่งตั้งตัวแทนเป็นหนังสือและไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 798 เมื่อตัวการซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัยต่ออยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศ จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนทำสัญญาประกันภัยต่อแทนตัวการ จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัยต่อตามลำพังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 824
ที่จำเลยฎีกาว่า บทบัญญัติมาตรา 824 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อยู่ในหมวดว่าด้วยความรับผิดของตัวการและตัวแทนต่อบุคคลภายนอกจะแปลว่า โจทก์ผู้รับประกันภัยเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ และจำเลยไม่มีสิทธิรับประกันภัยได้ตามกฎหมายเพราะไม่มีใบอนุญาต ไม่มีสิทธิออกกรมธรรม์ประกันภัยและไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกันภัย จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่า ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายืน