แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับมาในเวลากลางคืนลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มคอนกรีตยาวประมาณ 25 เมตรมาด้วย 2 ต้น ไม่มีสัญญาณไฟตามแนวความยาวของเสาเข็ม เมื่อรถลากจูงเลี้ยวขวาจากถนนหนึ่งเข้าอีกถนนหนึ่งไปแล้ว ตัวรถพ่วงเสาเข็มยังทะแยงขวางถนนอยู่ เป็นเหตุให้รถจี๊ปตรวจการณ์ปะทะกับส่วนกลางของเสาเข็มถูกลากติดไปกับส่วนหน้าของรถพ่วงและอัดติดอยู่ใต้เสาเข็มผู้ตายซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตายทันที ดังนี้เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 1 รับเหมาขนเสาเข็มโดยใช้รถของห้างจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ยังได้ไปตกลงเรื่องค่าเสียหายกับฝ่ายโจทก์ หุ้นส่วนคนหนึ่งของจำเลยที่ 2 เบิกความว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 บรรทุกเสาเข็มไปส่งให้แก่ลูกค้าในวันเกิดเหตุเช่นนี้ ย่อมฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นภรรยานายสมบัติโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ที่ ๒ เป็นบุตรนายสมบัติ โจทก์ที่ ๓ ที่ ๔ เป็นบิดามารดานายสมบัติเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๐ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๑ ล.-๑๔๖๙ ซึ่งเป็นรถลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มคอนกรีต ๒ ต้นยาวประมาณ ๒๕ เมตร หนักประมาณต้นละ ๘ ตัน จากโรงงานของจำเลยที่ ๒ เพื่อนำไปส่งลูกค้าที่สะพานเจริญนครด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยบังอาจขับรถลากจูงรถพ่วงเสาเข็มในเวลากลางคืน โดยไม่ติดตั้งไฟสัญญาณตามแนวความยาวของเสาเข็มและรถพ่วงที่บรรทุกส่วนปลายของเสาเข็มก็ไม่มีไฟสัญญาณส่องให้คนขับรถอื่นมองเห็นเสาเข็มที่บรรทุกอยู่บนรถ เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถดังกล่าวมาตามถนนสายสามแยกสะพานนนทบุรี-ปทุมธานี ซึ่งเป็นทางโทมาถึงสามแยกสะพานนนทบุรีได้เลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์ซึ่งเป็นทางเอกเพื่อจะไปห้าแยกปากเกร็ด จำเลยที่ ๑ ไม่หยุดรอให้รถทางตรงและทางเอกซึ่งขับมาตามถนนติวานนท์ผ่านไปก่อน และได้ขับรถคันดังกล่าวเลี้ยวขวาตัดหน้ารถยนต์จี๊ปตรวจการณ์ คันหมายเลขทะเบียน ก.ท. อ-๑๑-๑๑๒๑ ซึ่งขับมาตามถนนติวานนท์มุ่งหน้าไปทางสะพานรังสิต เมื่อส่วนหัวของรถลากจูงเลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์อยู่ในลักษณะตั้งตรงได้แล้วแต่รถพ่วงและเสาเข็มที่มีความยาวถึง ๒๕ เมตร ยังคงทะแยงขวางถนนติวานนท์อยู่ เป็นเหตุให้ส่วนกลางของเสาเข็มปะทะกับกระจกบังลมของรถจี๊ปตรวจการณ์แล้วรถลากจูงเสาเข็มได้ลากรถจี๊ปตรวจการณ์ครูดไปทางขวาไปติดส่วนหน้าของรถพ่วง เป็นเหตุให้นายสมบัติซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตายทันที การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้ง ๔ ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสี่
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวนหนึ่งพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ทั้งสี่
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความประมาทของจำเลยที่ ๑ แต่เป็นความประมาทของฝ่ายโจทก์และว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๒
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถยนต์ที่จำเลยที่ ๑ ขับมานั้นลากจูงรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มมาด้วย รถพ่วงนั้นมีความยาวมากไม่มีไฟสัญญาณไฟตามแนวความยาวของเสาเข็มเมื่อรถลากจูงเลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์ไปแล้วตัวรถพ่วงเสาเข็มยังทะแยงขวางถนนอยู่เป็นเหตุให้รถจี๊ปตรวจการณ์ปะทะกับส่วนกลางของเสาเข็มถูกลากติดไปกับส่วนหน้าของรถพ่วงและอัดติดอยู่ใต้เสาเข็มจึงเป็นความประมาทของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ไม่มีพยานสืบหักล้างแม้จะมีพยานให้การไว้ในสำนวนการสอบสวน แต่จำเลยที่ ๒ ก็ไม่ได้นำมาสืบในชั้นศาลไม่อาจรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้
สำหรับฎีกาของจำเลยที่ ๒ ที่ว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างจำเลยที่ ๒ นั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๒ เบิกความรับว่า จำเลยที่ ๑ รับเหมาขนเสาเข็มดังกล่าวโดยใช้รถของห้างจำเลยที่ ๒ และในชั้นสอบสวนจำเลยที่ ๒ ยังได้ไปตกลงเรื่องค่าเสียหายกับฝ่ายโจทก์ แต่ตกลงกันไม่ได้หุ้นส่วนคนหนึ่งของจำเลยที่ ๒ ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ เป็นคนขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ บรรทุกเสาเข็มไปส่งให้ลูกค้าในคืนเกิดเหตุจึงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒
พิพากษายืน