คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2512/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1057 นั้น ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะฟ้องร้องเป็นคดีมีข้อพิพาทก็ได้ หรือจะเริ่มต้นด้วยการร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทก็ได้และในกรณีหลังนี้ หากมีหุ้นส่วนอื่นไม่เห็นพ้องด้วย ย่อมมีสิทธิร้องคัดค้านเข้ามาเกี่ยวข้อง ในคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 และศาลต้องดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีมีข้อพิพาท

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องกับนายอนันต์ (ผู้คัดค้านที่ ๑) และนายกำธร (ผู้คัดค้านที่ ๒) ได้เข้าหุ้นส่วนกันคนละ ๑ หุ้น โดยไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เพื่อทำกิจการรับจ้างเจาะน้ำบาดาลเป็นต้น โดยนำเงินลงหุ้นไปเช่าซื้อรถบรรทุก ๖ ล้อ ๑ คันแล้วนำไปติดตั้งอุปกรณ์เพื่อทำการดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนได้ประกอบกิจการรับจ้างขุดเจาะน้ำบาดาลได้เงินจำนวน ๔๗๐,๐๐๐ บาท โดยนายกำธรเป็นผู้รับเงินจำนวนดังกล่าว แต่มิได้นำมาแบ่งเป็นผลกำไรให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วน ต่อมานายอนันต์ได้ให้บริวารมาหลอกเอารถยนต์คันดังกล่าวจากผู้ร้องไปใช้ส่วนตัวและยึดถือครอบครองรถยนต์ไว้คนเดียว จนถึงวันฟ้องก็ยังไม่มีการแบ่งผลกำไร ไม่มีการตรวจสอบหรือชำระบัญชีให้เสร็จสิ้น เนื่องจากผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนไม่สามารถตกลงกันได้ มีแต่ความระแวงสงสัยซึ่งกันและกันว่าจะหาผลประโยชน์ส่วนตัวและไม่มีการประชุมปรึกษาหารือกันที่จะดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนต่อไป ผู้ร้องเห็นว่ากิจการของห้างหุ้นส่วนทำไปก็มีแต่จะขาดทุนอย่างเดียว ไม่มีหวังจะกลับฟื้นตัวได้อีก และเป็นการเหลือวิสัยที่จะให้ห้างหุ้นส่วนดำรงคงอยู่ต่อไปได้ ขอให้ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกันและตั้งผู้ชำระบัญชีด้วย
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องหลายเรื่องและเห็นว่ายังไม่มีเหตุจะเลิกห้างหุ้นส่วน แต่ควรกำจัดผู้ร้องออกจากการเป็นหุ้นส่วนโดยให้ผู้ร้องรับเงินลงหุ้นคืนไปและยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวนคำร้องศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีของผู้ร้องเป็นคดีมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แต่ผู้ร้องเริ่มต้นคดีมาอย่างคดีไม่มีข้อพิพาท ซึ่งไม่ถูกต้อง จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แล้วมีคำสั่งไปตามรูปคดี
ผู้คัดค้านที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในเรื่องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญเมื่อห้างหุ้นส่วนจะต้องเลิกกิจการด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๕๗ นั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะฟ้องร้องเป็นคดีมีข้อพิพาทก็ได้หรือจะเริ่มต้นคดีด้วยการร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาทตามบทกฎหมายดังกล่าวก็ได้ และในกรณีหลังนี้หากมีหุ้นส่วนอื่นไม่เห็นพ้องด้วยย่อมมีสิทธิร้องคัดค้านเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘ ซึ่งศาลก็ต้องดำเนินคดีต่อไปอย่างคดีมีข้อพิพาท ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ร้องยื่นฟ้องใหม่แต่อย่างใด
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share