แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปัญหาที่ว่า ควรให้โจทก์อ้างและสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์พยานจำเลยหรือไม่ หลังจากสืบพยานของทั้งสองฝ่ายไปแล้วนั้น เป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้ตามคำขอหรือไม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าสินค้าที่จำเลยรับไปขายแล้วไม่ส่งคืนโจทก์ จำเลยให้การว่าจำเลยส่งเงินค่าสินค้าที่จะต้องส่งคืนและสินค้าที่ยังค้างอยู่แก่บริษัท อ. ซึ่งเป็นไปตามสัญญาระหว่างโจทก์กับบริษัท อ. เมื่อตามสัญญาดังกล่าวไม่มีข้อความให้บริษัท อ. มีอำนาจรับเงินหรือสินค้าคืนแทนโจทก์ กลับมีข้อความแสดงออกทำนองว่า ถ้าจะให้มีอำนาจเช่นนั้นจะต้องมีใบมอบฉันทะจากโจทก์อีกชั้นหนึ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าบริษัท อ. มีเอกสารเป็นใบมอบฉันทะจากโจทก์ให้รับเงินหรือสินค้าคืนจากจำเลย การรับเงินหรือสินค้าซึ่งบริษัท อ. รับมาจากจำเลยจึงไม่สมบูรณ์ ไม่ผูกพันโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นตัวแทนขายสินค้าให้โจทก์ จำเลยรับสินค้าประเภทเครื่องมือแพทย์ เครื่องมือวิทยาศาสตร์และสารเคมีไปขายแล้วไม่ส่งคืนโจทก์เป็นเงิน ๑๖๐,๘๒๒ บาท จำเลยยืมเงินทดรองล่วงหน้าจากโจทก์อีก ๒๗,๕๖๖.๖๐ บาท แล้วไม่ชำระคืน ขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าและเงินยืมพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยรับสินค้าโดยไม่ได้กำหนดราคากันไว้ และจำเลยส่งเงินค่าสินค้าที่จะต้องส่งคืนและสินค้าที่ยังค้างอยู่แก่บริษัท แอล.แอนด์.อาร์ จำกัด ซึ่งรับมอบกิจการมาดำเนินต่อจากโจทก์แล้วส่วนเงินทดรองนั้น คือ เงินค่าใช้จ่ายสำนักงานที่โจทก์จะต้องเสีย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพิเคราะห์แล้ว คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกา ว่าจำเลยได้รับมอบสินค้าจากโจทก์และยังไม่ได้คืนสินค้าหรือชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์หรือไม่ประการหนึ่ง จำเลยได้เบิกเงินทดรองจากโจทก์ไปตามฟ้องหรือไม่ประการหนึ่ง และควรให้โจทก์อ้างและสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์พยานจำเลยหรือไม่ หลังจากสืบพยานของทั้งสองฝ่ายเสร็จไปแล้วอีกประการหนึ่ง เห็นความวินิจฉัยปัญหาข้อที่สามก่อน ปัญหาข้อนี้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตให้ตามคำขอหรือไม่ ซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยต้องกันว่าไม่ควรอนุญาต ศาลฎีกาเห็นว่าคดีไม่มีความจำเป็นและไม่สมควรอนุญาต ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนปัญหาข้อแรก โจทก์บรรยายฟ้องว่า ตั้งแต่ระหว่างวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๔ ถึงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้เบิกและรับมอบสินค้า……..ต่าง ๆ ไปจากโจทก์หลายคราวหลายรายการเพื่อนำไปขายให้แก่ลูกค้า ปรากฏว่าจำเลยได้นำสินค้าดังกล่าวข้างต้นไปขายให้แก่ลูกค้าและยังไม่ได้ส่งเงินคืนโจทก์รวมเป็นเงิน ๑๖๐,๘๒๒ บาท รายละเอียดปรากฏตามใบเบิกยืมสินค้า และใบเซ็นรับสินค้าดังสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒ ถึง ๑๑ แต่จำเลยมิได้นำเงินค่าสินค้าที่ขายได้ดังกล่าวส่งมอบให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยให้การต่อสู้ในข้อนี้ว่าสินค้าตามเอกสารหมายเลข ๒ ถึง ๑๑ เป็นเอกสารที่โจทก์ให้จำเลยเซ็นรับสินค้าไม่ได้กำหนดราคากันไว้………จำเลยได้ส่งเงินค่าสินค้าที่จะต้องส่งคืนและ สินค้าที่ยังค้างอยู่แก่บริษัท แอล.แอนด์.อาร์ จำกัด ไปแล้วตามคำให้การของจำเลยดังกล่าว จำเลยมิได้ปฏิเสธว่าราคาสินค้าทั้งหมดตามฟ้องมิได้เป็นจริงตามฟ้อง จึงถือได้ว่าราคาสินค้าทั้งหมดตามที่โจทก์ฟ้องนั้นถูกต้องแล้ว คงมีปัญหาวินิจฉัยว่าจำเลยได้ส่งสินค้าและเงินคืนให้แก่บริษัท แอล.แอนด์.อาร์ จำกัด โดยเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทโจทก์และบริษัท แอล.แอนด์.อาร์ จำกัด แล้วหรือไม่ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์สัญญาระหว่างบริษัทโจทก์และบริษัท แอล.แอนด์.อาร จำกัด ตามเอกสารหมาย ล. ๒ โดยตลอดแล้วโดยเฉพาะสัญญาข้อ ๕ ซึ่งมีข้อความว่า “บรรดาลูกหนี้ของบริษัท เอฟ.อี.ซี. (โจทก์) ที่ยังคงเป็นลูกหนี้ค้างชำระหนี้ในการปฏิบัติการส่งสินค้ามาจำหน่ายก็ดีหรือในการต้องชำระหนี้เป็นตัวเงินก็ดี ซึ่งติดพันกันอยู่ในขณะนี้หรือซึ่งจะได้เรียกเก็บเงินชำระหนี้ ต่อไปในภายหน้าก็ดี บรรดาซึ่งมีภาระค้างชำระหนี้กับ เอฟ.อี.ซี. เฉพาะในสินค้าเวชภัณฑ์หรือบรรดาคู่สัญญาซึ่งได้ทำสัญญาไว้กับเอฟ.อี.ซี. ผูกพันการส่งมอบสินค้าเวชภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นก็ดี……………………เอฟ.อี.ซี. ยินยอมเวชภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นก็ดี……………..เอฟ.อี.ซี. ยินยอมปฏิบัติภาระหน้าที่นั้นต่อไปตามปกติ เช่นยินยอมให้แอล.แอนด์.อาร์ จัดทำธุรกิจดำเนินการหาเงินมาชำระตามแอล.ซี. ให้แก่ธนาคาร รวมทั้งประทับตราของเอฟ.อี.ซี. ลงในเอกสารนั้น ๆ ให้ได้ และทำใบมอบฉันทะให้แอล.แอนด์.อาร์. เป็นผู้จ่ายเงินและรับเงินนั้นได้ทุกประการ………………….” ตามนัยแห่งข้อความในสัญญาดังกล่าวไม่ปรากฏว่า มีข้อความให้บริษัทแอล.แอนด์.อาร์. จำกัด มีอำนาจรับเงินหรือสินค้าคืนแทนโจทก์เลย กลับมีข้อความแสดงออกทำนองว่าถ้าจะให้มีอำนาจเช่นนั้นก็ต้องมีใบมอบฉันทะจากโจทก์อีกชั้นหนึ่ง แต่ตามสำเนาปรากฏว่าบริษัท แอล.แอนด์.อาร์. จำกัด มีเอกสารเป็นใบมอบฉันทะจากบริษัทโจทก์ให้มีอำนาจรับเงินหรือสินค้าคืนจากจำเลยไม่ การรับเงินหรือสินค้าซึ่งบริษัท แอล.แอนด์.อาร์. จำกัด รับมาจากจำเลยจึงไม่สมบูรณ์ไม่ผูกพันบริษัทโจทก์ และศาลฎีกาฟังว่ารายจ่ายตามเอกสารหมาย จ.๑๓ ที่โจทก์ฎีกาหาใช่เป็นรายจ่ายที่โจทก์ออกทดรองจ่ายให้จำเลยไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าจำนวน ๑๖๐,๘๒๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์