แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
ในคดีก่อนโจทก์กับว.และบิดาจำเลยฟ้องร้องแย่งสิทธิที่ดินกันซึ่งมีที่ดินพิพาท(ในคดีนี้)รวมอยู่ในที่ดินที่ฟ้องร้องกันนั้นด้วยจำเลยเข้าอยู่ในที่พิพาทโดยเชื่อว่าเป็นส่วนที่บิดาจำเลยได้รับมรดกจึงเป็นการเข้าอยู่โดยอาศัยสิทธิของบิดาจำเลยจำเลยย่อมมีสิทธิเพียงเท่าที่บิดาจำเลยมีอยู่ดังนั้นคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีก่อนที่วินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ย่อมผูกพันบิดาจำเลยและตัวจำเลยด้วยแม้จำเลยจะเข้าครอบครองที่พิพาทในระหว่างเวลาที่มีการพิจารณาคดีก่อนก็ตามก็ไม่เป็นการแย่งการครอบครองของโจทก์และที่จำเลยครอบครองที่พิพาทภายหลังจากวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนก็เป็นการครอบครองสืบต่อจากการครอบครองในระหว่างพิจารณาคดีเมื่อไม่ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจำเลยจะอ้างกำหนดเวลาการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375มาใช้ยันโจทก์ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ ที่ดิน ตาม หนังสือ รับรอง การทำ ประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 621 เนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวาเมื่อ ประมาณ 5 ปี มานี้ จำเลย ได้ อาศัย ปลูกบ้าน ใน ที่ดิน ดังกล่าวโดย ตกลง ว่า หาก โจทก์ จะ ให้ จำเลย รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง จำเลย จะรื้อถอน ออก ไป ทันที ต่อมา โจทก์ ได้ มอบ ให้ ทราบความ บอกกล่าว ให้จำเลย รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออก ไป จำเลบ เพิกเฉย ขอ ให้ บังคับ จำเลยและ บริวาร รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออก ไป จาก ที่ดิน และ ห้าม เข้าเกี่ยวข้อง ต่อไป กับ ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย ให้ โจทก์ เดือนละ 500บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง จนกว่า จะ ออก ไป
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ครอบครอง ที่ พิพาท เนื้อที่ ประมาณ 1 ไร่ปลูกเรือน อยู่ อาศัย มา นาน ประมาณ 10 ปี จำเลย ครองครอง ที่ พิพาทโดย เจตนา ยึดถือ เพื่อ ตนเอง มา เป็น เวลา ไม่ น้อย กว่า 10 ปี เป็นการ แย่ง สิทธิ ครอบครอง ของ โจทก์ โจทก์ ไม่ ฟ้อง เอา คืน สิทธิครอบครอง ภายใน 1 ปี นับแต่ เวลา ถูก แย่ง การ ครอบครอง คดี โจทก์ ขาดอายุความ ค่าเสียหาย อย่างสูง ไม่เกิน เดือนละ 20 บาท ขอ ให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย และ บริวาร รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง ออกไป จาก ที่ พิพาท ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย เดือนละ 200 บาท
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ‘พิเคราะห์ แล้ว ปัญหา ของ จำเลย ที่ ฎีกา ว่าโจทก์ หมดสิทธิ เรียกร้อง เอา ที่ พิพาท คืน นั้น ข้อเท็จจริง ที่ ไม่ได้ โต้เถียง กัน รับ ฟัง ได้ ว่า โจทก์ กับ นาย วัน และ บิดา จำเลยเคย พิพาท ฟ้องร้อง แย่ง สิทธิ ที่ดิน กัน ซึ่ง มี ที่ พิพาท รวม อยู่ใน ที่ดิน ที่ พิพาท กัน ด้วย โดย นาย วัน กับ บิดา จำเลย อ้าง ว่าเป็น ที่ดิน มรดก บิดา จำเลย ถึงแก่กรรม ใน ระหว่าง พิจารณาคดี จำเลยได้ เข้า มา เป็น คู่ความ แทน ที่ บิดา จำเลย ผล ที่สุด ศาลฎีกา พิพากษาว่า ที่ดิน ทั้งหมด เป็น ของ โจทก์ ปรากฏ ตาม คำพิพากษา ศาลฎีกา ที่588/2525 เห็นว่า ใน คดี ก่อน ปรากฏ ว่า นาย วัน กับ บิดา จำเลย เป็นโจทก์ ส่วน โจทก์ ใน คดี นี้ เป็น จำเลย นาย วัน กับ บิดา จำเลย อ้างว่า ที่ดิน ตาม ฟ้อง เป็น มรดก ของ บิดา มารดา ตก ได้ แก่ โจทก์ จำเลยใน คดี ก่อน และ ผู้ มี ชื่อ และ ได้ ร่วมกัน ครอบครอง ตลอดมา บิดาจำเลย กับ โจทก์ จำเลย ใน คดี นี้ ได้ ปลูก บ้าน อยู่ อาศัย ใน ที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2498 นาย วัน กับ บิดา จำเลย และ ผู้ มี ชื่อ มอบ ให้ โจทก์ใน คดี นี้ แจ้ง การ ครอบครอง ที่ดิน โดย ใส่ ชื่อ โจทก์ ใน คดี นี้ ในที่ดิน ไว้ แทน ทั้ง มอบ ให้ เสีย ภาษี บำรุง ท้องที่ แทน ด้วย เมื่อเดือน เมษายน 2522 จำเลย ใน คดี นี้ ขุด บ่อน้ำ ใน ที่ดิน โจทก์ ในคดี นี้ กลับ อ้าง ว่า ที่ดิน เป็น ของ ตน คนเดียว และ ขับไล่ จำเลย ในคดี นี้ ออก จาก ที่ดิน ข้อเท็จจริง จาก คำฟ้อง ใน คดี ก่อน นั้น เองแสดงว่า จำเลย และ บิดา จำเลย เชื่อ ว่า บิดา จำเลย มี ส่วน ได้ รับมรดก ที่ดิน ตาม ฟ้อง ดังนั้น การ ที่ จำเลย เข้า ไป อยู่ ใน ที่ดินดังกล่าว จึง เป็น การ อาศัย สิทธิ ของ บิดา จำเลย หรือ ได้ รับ อนุญาตจาก บิดา จำเลย จำเลย ย่อม ได้ สิทธิ เพียง เท่าที่ บิดา จำเลย มี อยู่คำพิพากษา ใน คดีก่อน เกี่ยวกับ สิทธิ ใน ที่ดิน พิพาท กัน ย่อม ผูกพันจำเลย ด้วย ทั้ง เห็น ว่า แม้ จำเลย จะ ได้ ครอบครอง ที่ พิพาท ซึ่งเป็น ที่ดิน ส่วน หนึ่ง ของ ที่ดิน ที่ พิพาท กัน ใน คดี ก่อน ในระหว่าง พิจารณาคดี ก่อน ก็ ตาม ก็ หา ใช่ เป็น การ แย่ง การ ครอบครองไม่ จำเลย จะ ยก เอา สิทธิ แห่ง การ ครอบครอง ที่ พิพาท ใน ระหว่าง ยังเป็น ความ กัน อยู่ มา ใช้ ยัน โจทก์ ซึ่ง เป็น เจ้าของ หา ได้ ไม่ตลอด จน การ ที่ จำเลย ครอบครอง ที่ พิพาท ภายหลัง จาก วัน อ่านคำพิพากษา ศาลฎีกา ใน คดี ก่อน ก็ เป็น การ ครอบครอง สืบ ต่อ จาก การครอบครอง ใน ระหว่าง พิจารณาคดี ก่อน ใน เมื่อ จำเลย ยัง มิได้ บอกกล่าวเปลี่ยน ลักษณะ แห่ง การ ยึดถือ ตาม ที่ บัญญัติ ไว้ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 จำเลย จะ อ้าง กำหนด เวลา การฟ้อง เพื่อ เอา คืน ซึ่ง การ ครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มา ใช้ ยัน โจทก์ ไม่ ได้ โจทก์มี สิทธิ ฟ้อง คดี เพื่อ เอา คืน ซึ่ง การ ครอบครอง และ ขับไล่ จำเลยให้ ออก ไป จาก ที่ พิพาท ได้’
พิพากษา ยืน