คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด
เรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะสั่งเรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บ ฉะนั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องปฏิบัติตาม ไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี
หมายเหตุ ทับฎีกาที่ 1053/2468

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายและขอให้พิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยชั่วคราว แล้วต่อมาได้มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด
โจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาและโจทก์ได้นำยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้ ต่อมาจำเลยถูกฟ้องล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และได้หักค่าธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพย์สินจากที่ขายได้ร้อยละ ๕ และคิดหักค่าธรรมเนียมในการยึดร้อยละ ๓ ครึ่ง จากราคาที่กองหมายตีไว้ พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ ๓ ครึ่งส่งไปชำระให้กองหมายนั้น ไม่เห็นพ้องด้วย ขอให้ศาลสั่งคืน
ศาลชั้นต้นสั่งให้กองหมายคืน
หัวหน้ากองหมายอุทธรณ์
ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลในกรณีเช่นนี้
หัวหน้ากองหมายอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับอุทธรณ์ แล้วศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คืนเงินค่าธรรมเนียมชอบแล้ว พิพากษายืน
หัวหน้ากองหมายฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หัวหน้ากองหมายเป็นเจ้าพนักงานบังคบคดีที่ศาลแต่งตั้งเพื่อทำการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล ปรากฏตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๕ (ข) และในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑(๑๔) ก็บัญญัติว่า “เจ้าพนักงานบังคับคดีหมายความว่า เจ้าพนักงานหรือพนักงานอื่นมีอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้อยู่ในอันที่จะปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในภาค ๔ แห่งประมวลกฎหมายนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง” เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นเจ้าพนักงานศาลเช่นนี้ การกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก็คือ การกระทำของศาล แม้ค่าธรรมเนียมเมื่อยึดแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ให้เรียกร้อยละ ๓ ครึ่ง ได้ระบุไว้ในตาราง ๕(๓) ว่าเป็นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ดี แต่ก็มีหมายเหตุไว้ว่า ” ฯลฯ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้กำหนด ถ้าไม่ตกลง ก็ให้คู่ความเสนอเรื่องต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๖ และมาตรา ๒๙๖ ได้บัญญัติว่า “ฯลฯ
ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งลักษณะนี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและบุคคลอื่นที่มีส่วนได้เสียตามคำบังคับคดีซึ่งต้องเสียหายโดยการฝ่าฝืนนั้น อาจขอให้ศาลสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับทั้งปวงหรือวิธีการบังคับใด ๆ ฯลฯ เมื่อได้ยื่นคำขอและศษลได้ไต่สวนแล้วให้มีคำสั่งอนุญาตหรือยกคำขอนั้น” และในมาตรา ๓๐๒ ยังได้บัญญัติระบุศาลที่มีอำนาจในการบังคับคดีไว้ชัด
ตามบทบัญญัติดังกล่าวมา เห็นได้ว่าอำนาจเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้นเป็นอำนาจของศาล เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาล เป็นส่วนหนึ่งของศาลในการที่จะบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจจะเข้ามาเป็นผู้มีส่วนได้เสียหรือเป็นคู่ความได้ด้วยประการใด ๆ
ยิ่งกว่านั้น มาตรา ๑๖๑ ยังบัญญัติว่า ใครมีหน้าที่เสียฤชาธรรมเนียมและยังได้ให้อำนาจศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจที่จะสั่ง แสดงว่าค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีนั้น ในที่สุดก็อยู่ในอำนาจของศาลที่จะเรียกเก็บหรือไม่เรียก เมื่อเจ้าพนักงานบังัคบคดีเป็นแต่เพียงเจ้าพนักงานของศาลในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีเท่านั้น การที่ศาลสั่งไม่เรียกเก็บ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องปฏิบัติการไปตามนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งศาลในเรื่องค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีรายนี้ได้
ฎีกาหัวหน้ากองหมายไม่มีทางที่จะรับไว้พิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อที่อุทธรณ์ของหัวหน้ากองหมาย โดยพิพากษาให้ยกฎีกาของหัวหน้ากองหมายนั้นเสีย

Share