คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอชำระหนี้ยึดถือทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้คืน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขึ้นเงินกู้แล้ว ทำสัญญายกนาพิพาทให้เป็นกรรมสิทธิของจำเลยแล้วไม่ขอไถ่ ดังนี้ประเด็นคงมีว่าโจทก์ให้จำเลยยึดถือนาพิพาทไว้แทนเป็นประกันเงินกู้ดังฟ้อง หรือว่าโจทก์ได้สละสิทธินาพิพาทให้จำเลยแล้วตามจำเลยต่อสู้เท่านั้น เมื่อคดีได้ความตามที่จำเลยต่อสู้ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ตามประเด็นข้ออ้างที่ถือว่าเป็นสิทธิเรียกนาพิพาทคืนจากจำเลย ส่วนนาพิพาทจะเป็นของบิดาโจทก์หรือของใคร ไม่เป็นประเด็นสำคัญในคดีนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไปโดยมอบนา ๑ แปลงให้จำเลยยึดถือทำกินต่างดอกเบี้ย นาแปลงนี้เป็นบของบิดาโจทก์ ๆ ให้โจทก์ยืมมาเป็นประกันเงินกู้ บัดนี้โจทก์ขอชำระหนี้ จำเลยบิดพริ้วไม่ยอมให้ไถ่ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้ขอขึ้นเงินกู้อีก ๒๐๐ บาท แล้วตกลงมอบกรรมสิทธินาแปลงที่ให้ยึดถือให้แก่จำเลยไม่ขอไถ่คืนอีก แล้วจำเลยได้โอนขายให้จำเลยที่ ๒ โดยสุจริต ทำสัญญากันที่อำเภอโดยชอบ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ขึ้นเงินกู้จากจำเลยแล้วมอบนาพิพาทให้เป็นกรรมสิทธิแก่จำเลยจริง แต่นาเป็นของบิดาโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปโอนให้จำเลย จึงพิพากษาให้โจทก์ไถ่คืนได้โดยให้จำเลยรับชำระเงินกู้ แล้วให้คืนนาพิพาทให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่า โจทก์ขึ้นเงินกู้จากจำเลยแล้วยกกรมสิทธินาพิพาทให้จำเลย ฉะนั้นคดีนี้โจทก์นำสืบไม่ได้ตามประเด็นข้ออ้างที่ถือเป็นสิทธิเรียกนาพิพาทคืนจากจำเลย จึงต้องยกฟ้อง ส่วนนาพิพาทจะเป็นของบิดาโจทก์หรือผู้ใด ไม่เป็นประเด็นในคดีนี้ ประเด็นสำคัญคงอยู่ที่ว่า โจทก์ได้ให้จำเลยยึดถือนาพิพาทไว้แทนเป็นประกันเงินกู้ดังฟ้อง หรือว่าโจทก์ได้สละสิทธิให้จำเลยตามจำเลยต่อสู้
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share