แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สัญญาจำนองไม่มีข้อความว่าหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ลูกหนี้จึงไม่ต้องรับผิดในส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา733 ปัญหาที่ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่ขาดจำนวนในกรณีบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในศาลชั้นต้นก็มีสิทธิยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ ถ้าได้เงินไม่พอชำระให้จำเลยชำระเงินส่วนที่ขาดแก่โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์ ทั้งไม่เคยทำสัญญาจำนองหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำสัญญาจำนองที่ดินของจำเลยเพื่อประกันการชำระหนี้แก่โจทก์ มีการปลอมหนังสือมอบอำนาจโดยปลอมลายมือชื่อจำเลยในช่องผู้มอบอำนาจ การทำสัญญาจำนองดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลผูกพันจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรม นางอรัญญา ชินสกุลเจริญผู้จัดการมรดกของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 590,818 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 260,000 บาทนับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 มีนาคม 2535) จนกว่าจะชำระเสร็จหากจำเลยไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 2602 ตำบลหาดใหญ่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ถ้าได้เงินสุทธิไม่พอชำระให้จำเลยชำระส่วนที่ขาดแก่โจทก์จนครบ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต่อไปมีว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาบังคับให้จำเลยชำระหนี้ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินของจำเลยพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์ถ้าได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ให้จำเลยชำระส่วนที่ขาดนั้น เมื่อสัญญาจำนองไม่มีข้อความว่าให้จำเลยต้องรับผิดในส่วนที่ขาดศาลจะพิพากษาให้ได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้และหนี้ตามสัญญาจำนอง และมีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง หากไม่ชำระหนี้และไม่ไถ่ถอนจำนองก็ให้ยึดทรัพย์สินที่จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์และโจทก์นำสืบพยานหลักฐานว่า จำเลยกู้เงินโจทก์และทำสัญญาจำนองที่ดินเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินด้วย ดังนั้น กรณีเป็นการฟ้องร้องบังคับจำนอง เมื่อพิจารณาดูสัญญาจำนองตามเอกสารหมายจ.2 แล้ว ไม่มีข้อความว่า หากโจทก์บังคับชำระหนี้เอาทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ก็ให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยหรือจำเลยจะต้องรับผิดในส่วนที่ขาดด้วยกรณีจึงต้องห้ามมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดในเงินส่วนที่ขาดจำนวนอยู่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในส่วนที่ขาดแต่อย่างใด ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นในศาลชั้นต้นแต่จำเลยก็ยกขึ้นโต้เถียงชั้นอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งจำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยรับผิดในเงินส่วนนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า ถ้าได้เงินสุทธิไม่พอชำระหนี้ เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด จำเลยไม่ต้องรับผิดในเงินส่วนที่ขาดนั้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลศาลอุทธรณ์ภาค 3″