คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2507/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายได้เสียและตามนาย พ. ไปอยู่กินกันที่บ้านจำเลยผู้เสียหายตั้งครรภ์ได้ประมาณ 8 เดือนก็มีเรื่องขัดแย้งกันจึงออกจากบ้านจำเลยไปอยู่บ้านมารดาผู้เสียหายเมื่อคลอดเด็กหญิง ท. ได้ประมาณ 20 กว่าวันผู้เสียหายนำเด็กหญิง ท.ซึ่งผู้เสียหายผูกแหวนนากไว้ที่ข้อมือไปที่บ้านจำเลยพูดว่าขอฝากเลี้ยง ค้าขายได้เงินจะส่งมาเป็นค่านมเด็กจำเลยไม่พูดว่ากระไรไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยยินยอมรับเลี้ยงเด็กหญิง ท.ซึ่งเป็นหลานและถือว่าจำเลยได้รับมอบการครอบครองแหวนนากที่ผูกติดข้อมือเด็กแล้วเมื่อจำเลยเบียดบังเอาแหวนนากเป็นประโยชน์ของตนจึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันครอบครองแหวนนาก 1 วง ของผู้เสียหายแล้วร่วมกันเอาเงินของตนและผู้อื่น และจำเลยที่ 3 ได้นำเด็กหญิงทัศนี อายุประมาณ 20 กว่าวันไปมอบให้ร้อยตำรวจโทประกอบสุข ผู้มีอำนาจสอบสวนและสืบสวนคดีอาญา และแจ้งความเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาว่ามีผู้ทอดทิ้งเด็กไว้ในป่า อันเป็นความผิดอาญา ขอให้สืบหาบิดามารดาของเด็ก ซึ่งเป็นความเท็จ ตามจริงเด็กหญิงทัศนีเป็นหลานของจำเลยที่ 3 ผู้เสียหายมอบให้จำเลยทั้งสามดูแลเลี้ยง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173, 352, 83

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยที่ 3 มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นบิดามารดาจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 เป็นพี่สาวนายพยูร ผู้เสียหายได้เสียและตามนายพยูรไปอยู่กินด้วยกันที่บ้านจำเลย เมื่อผู้เสียหายตั้งครรภ์ได้ประมาณ 8 เดือนมีเรื่องขัดแย้งกันผู้เสียหายจึงออกจากบ้านจำเลยไปอยู่บ้านมารดาผู้เสียหาย ผู้เสียหายคลอดเด็กหญิงทัศนีได้ประมาณ 20 กว่าวันจึงนำเด็กหญิงทัศนีซึ่งผู้เสียหายผูกแหวนนาก 1 วงไว้ที่ข้อมือ พร้อมด้วยอุปกรณ์การเลี้ยงเด็กไปที่บ้านจำเลย ขณะนั้นจำเลยทั้งสามอยู่บ้าน ผู้เสียหายวางเด็กหญิงทัศนีไว้ที่บ้านจำเลยและพูดว่าขอฝากเลี้ยง ค้าขายได้เงินจะส่งมาเป็นค่านมเด็กจำเลยทั้งสามไม่พูดว่ากระไร โดยเฉพาะจำเลยที่ 3 ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ดังนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ยินยอมรับเลี้ยงเด็กหญิงทัศนีซึ่งเป็นหลานของจำเลยที่ 3 และถือว่าจำเลยที่ 3 ได้รับมอบการครอบครองแหวนนากที่ผูกติดข้อมือเด็กแล้ว การที่จำเลยที่ 3 เบียดบังเอาแหวนนากเป็นประโยชน์ของตน จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ด้วย จำคุก 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share