แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2520 ตลอดจนคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2522 เรื่องกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงลงวันที่ 30 มีนาคม 2522 มิได้มีบทบัญญัติให้ริบน้ำมันในกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืนมีน้ำมันเบนซินโดยไม่มีเหตุต้องใช้หรือไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมัน ความผิดของจำเลยอยู่ที่การมีน้ำมันโดยไม่มีเหตุต้องใช้และไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาเท่านั้น น้ำมันเบนซินที่จำเลยมีไว้จึงมิใช่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดซึ่งจะต้องถูกริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งไม่มีเหตุใช้น้ำมันเบนซินและไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันได้มีน้ำมันเบนซินไว้ในครอบครองและเก็บน้ำมันเบนซินดังกล่าวไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๑๕ มาตรา ๑๕ พระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงพ.ศ. ๒๕๑๖ มาตรา ๓, ๘ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๑๖ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ มาตรา ๓คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ ๑/๒๕๒๒ เรื่องกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง สั่ง ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๒ ข้อ ๑๘ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ให้ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่งคงปรับ ๕,๐๐๐บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาตามข้อฎีกาของจำเลยเห็นเพียงว่าน้ำมันเบนซินของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองศาลมีอำนาจริบได้หรือไม่ เห็นว่าพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๑๖และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๑๖ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๐ ตลอดจนคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ ๑/๒๕๒๒ เรื่องกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๒ มิได้มีบทบัญญัติให้ริบน้ำมันในกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืนมีน้ำมันเบนซินโดยไม่มีเหตุต้องใช้หรือไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาน้ำมันแต่อย่างใด ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดของจำเลยอยู่ที่การมีน้ำมันไว้โดยไม่มีเหตุต้องใช้และไม่มีใบอนุญาตให้เก็บรักษาเท่านั้น น้ำมันเบนซินที่จำเลยมีไว้จึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดจะต้องถูกริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบน้ำมันของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์