คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงแต่ลงชื่อรับรองตัวบุคคลโดยที่มิได้ร่วมกับพวกแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 เวลากลางวันจำเลยกับนายบุญเส็ง คุ้มบุญ ร่วมกันแจ้งให้นางคมคาย พรหมอินทร์ และนายธนาคม ไหลเจริญกิจ เจ้าหน้าที่ปกครองประจำที่ว่าการอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน จดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกคำให้การรับรองบุคคลซึ่งเป็นเอกสารใช้ประกอบในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชนอันเป็นเอกสารราชการซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่า บุคคลผู้มีชื่อที่แอบอ้างและขอมีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่เป็นนายนิคม คุ้มบุญ บุตรของนายบุญเส็ง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 8 ตำบลศรีแก้ว อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อันเป็นความเท็จ ความจริงนายนิคมได้ถึงแก่ความตายไปแล้ว เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคลดังกล่าว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางคมคาย และนายธนาคมและประชาชน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 มาตรา 14 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, ประกอบมาตรา 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวในฟ้อง นายบุญเส็ง คุ้มบุญ กับชายคนหนึ่งร่วมกันแจ้งต่อนางคมคาย พรหมอินทร์ เจ้าหน้าที่ปกครอง 4 สำนักงานทะเบียนอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธรว่า ชายดังกล่าวชื่อนายนิคม คุ้มบุญ เป็นบุตรของนายบุญเส็งขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่เนื่องจากบัตรเดิมสูญหาย นางคมคายจึงให้บุคคลทั้งสองไปพบนายธนาคม ไหลเจริญกิจ ปลัดอำเภอเลิงนกทา เพื่อทำการสอบสวน นายธนาคมสอบสวนแล้วแจ้งให้นายบุญเส็งไปหาบุคคลมารับรองตัวชายดังกล่าว นายบุญเส็งจึงไปตามจำเลยมาลงชื่อรับรองในบันทึกคำให้การรับรองบุคคลด้านหลังคำขอมีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมาย จ.3 ต่อมาความปรากฎว่านายนิคมถึงแก่ความตายไปแล้วก่อนวันเกิดเหตุ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า จำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายธนาคม ไหลเจริญกิจ เป็นพยานเบิกความว่า ก่อนที่พยานจะให้จำเลยลงชื่อเป็นผู้รับรอง พยานได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าการรับรองบุคคลครั้งนี้เป็นการรับรองเพื่อทำบัตรประจำตัวประชาชนกรณีบัตรหาย และได้สอบถามถึงความเกี่ยวพัน จำเลยแจ้งว่าเป็นญาติกับนายนิคม เมื่อจำเลยลงชื่อเป็นผู้รับรองแล้ว พยานจึงอนุมัติให้ออกบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ผู้ขอ เห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวเป็นการเบิกความเนื่องจากการปฏิบัติราชการในหน้าที่ อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาติดต่อราชการไม่ปรากฏเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย คำเบิกความจึงมีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง จำเลยก็รับว่ารู้จักนายนิคม ที่จำเลยนำสืบทำนองว่าจำเลยลงชื่อรับรองโดยมิได้พบเห็นตัวบุคคลที่ตนรับรอง จึงขัดต่อเหตุผลไม่อาจรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ ได้ความว่าจำเลยเพียงแต่ลงชื่อรับรองตัวบุคคลโดยที่มิได้ร่วมกับพวกแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, ประกอบมาตรา 86 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3.

Share