แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าไปต่างประเทศ ได้มอบอำนาจคนอื่นเป็นตัวแทนไว้และผู้ให้เช่ากับตัวแทนได้ติดต่อเรื่องส่งค่าเช่าและไม่ยอมรับเงินธนาณัติค่าเช่ากันได้ตลอดมา ครั้นผู้ให้เช่าส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังสำนักงานเดิมของตัวแทนนั่นเองแต่กลับหาตัวคนรับไม่ได้ แต่ในระยะเดียวกันตัวแทนกลับส่งธนาณัติค่าเช่ามาให้อีก โดยระบุตำบลที่อยู่เดิมอันแสดงว่าตัวแทนยังอยู่ที่เดิม และเมื่อส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้ ผู้ให้เช่ายังเอาคำบอกเลิกไปปิดไว้ ณ ที่เช่า ยังมีผู้ฉีกเอาไปให้พวกพ้องของผู้เช่าได้ดูด้วย และเมื่อฝ่ายผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในบ้านเช่านั้นตัวแทนก็ไปแจ้งความหาว่าบุกรุก พฤติการณ์ทั้งนี้เห็นได้ว่า ผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการแสดงเจตนาของฝ่ายผู้ให้เช่าถือว่าไปถึงฝ่ายผู้เช่าแล้ว(อ้างฎีกาที่ 97/2496) สัญญาเช่าย่อมระงับไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 41/2505)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเคหสถานขอให้จำเลยส่งคืนทรัพย์ใช้ค่าเสียหาย รับซื้อหรือใช้ราคาสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการเป็นต้นว่า ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วสิ่งก่อสร้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามสัญญาเช่า โจทก์ไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาท
ศาลฎีกาได้ปรึกษาประเด็นที่ว่า สัญญาเช่าได้เลิกไปแล้วหรือหาไม่ นั้น ในที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า พฤติการณ์หลังจากโจทก์เดินทางไปต่างประเทศแล้ว จำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาแก่นายองุ่นผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนโจทก์ที่จะไม่ให้โจทก์เช่าต่อไป นายองุ่นเข้าใจในเจตนาของจำเลยที่ 1 อยู่เต็มอก แต่เสแสร้งไปต่าง ๆที่จะไม่ยอมรับรู้ด้วย ครั้นจำเลยที่ 1 ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังนายองุ่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปที่สำนักงานนายองุ่นเช่นเคยก็เกิดหาตัวคนรับหนังสือไม่ได้ แต่แล้วในระยะเดียวกันนั้นนายองุ่นก็มีหนังสือส่งธนาณัติมาชำระค่าเช่าอีก โดยระบุตำบลที่อยู่มาเช่นเดิมนั่นเอง แสดงว่านายองุ่นยังคงอยู่ที่สำนักงานเดิมการที่หาตัวคนจะรับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ จนพนักงานไปรษณีย์ต้องส่งกลับคืนยังจำเลยที่ 1 จึงหาใช่เพราะเหตุที่นายองุ่นมิได้มีตัวอยู่ที่นั่นไม่ ปรากฏว่าเมื่อจำเลยนำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปปิดที่บ้านเช่านั้น นายสงัดคนเฝ้าบ้านยังได้ฉีกเอาไปให้นายเชื้อผู้ออกทุนให้โจทก์ตั้งโรงเรียนในบ้านเช่าดู ทั้งนายองุ่นยังได้ไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าคนของจำเลยที่ 1 บุกรุกเข้าไปอยู่ในบ้านเช่า พฤติการณ์ดังนี้ ย่อมเห็นอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ซึ่งแม้ขณะนั้นตัวโจทก์จะอยู่ในต่างประเทศก็ได้ตั้งนายองุ่นเป็นตัวแทนมอบอำนาจไว้ จำเลยที่ 1 เพียรพยายามบอกเลิกสัญญาถึงปานนี้แล้ว ก็ยังไม่พอจะให้กระทำประการใดอีกจำเลยที่ 1 กับนายองุ่นตัวแทนของโจทก์ติดต่อโต้ตอบกันมาได้ในตอนอื่น ๆ พอถึงตอนบอกเลิกสัญญาเช่า นายองุ่นจะไม่ยอมรับรู้ดูกระไรอยู่ที่ประชุมใหญ่มีมติว่า การแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 ต้องถือว่าได้ไปถึงฝ่ายผู้เช่าแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 130 และตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 97/2496
เมื่อการบอกเลิกสัญญาเช่าชอบแล้ว สัญญาก็ระงับ การที่จำเลยเข้าครอบครองบ้านเช่าจึงชอบที่จะกระทำได้ ไม่เป็นการผิดสัญญาหรือละเมิด ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ไม่ได้ใช้บ้านเช่าจึงปราศจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักในอันจะเรียกร้องได้ เรื่องเรียกค่าก่อสร้างนั้นตามสัญญาข้อ 6 ได้ตกเป็นของผู้ให้เช่า โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้อง ส่วนเรื่องทรัพย์ที่สูญหายนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 จะได้บงการให้ใครเอาไป ที่ศาลล่างว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าสูญหายไปเพราะการกระทำของจำเลยนั้นชอบแล้ว
เป็นอันว่าฟ้องโจทก์ตกไปหมด พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งเรื่อง