คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เช่าไปต่างประเทศ ได้มอบอำนาจคนอื่นเป็นตัวแทนไว้และผู้ให้เช่ากับตัวแทนได้ติดต่อเรื่องส่งค่าเช่าและไม่ยอมรับเงินธนาณัติค่าเช่ากันได้ตลอดมา ครั้นโจทก์ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังสำนักงานเดิมของตัวแทนนั่นเอง แต่กลับหาตัวคนรับไม่ได้ แต่ในระยะเดียวกันตัวแทนกลับส่งธนาณัติค่าเช่ามาให้อีก โดยระบุตำบลที่อยู่เดิมอันแสดงว่าตัวแทนยังอยู่ที่เดิม และเมื่อส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้ ผู้ให้เช่ายังเอาคำบอกเลิกไปปิดไว้ ณ ที่เช่าอีก ยังมีผู้ฉีกเอาไปให้พวกพ้องของโจทก์ได้ดูด้วย และเมื่อฝ่ายผู้ให้เช่าเข้าอยู่ในบ้านนั้น ตัวแทนก็ไปแจ้งความหาว่าบุกรุก พฤติการณ์ทั้งนี้เห็นได้ว่าผู้ให้เช่าได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการแสดงเจตนาของฝ่ายผู้ให้เช่าถือว่าไปถึงฝ่ายผู้เช่าแล้ว (อ้างฎีกาที่ 97/2496) สัญญาเช่าย่อมระงับไป
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 41/2505

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าเคหสถานขอให้จำเลยส่งคืนทรัพย์ ใช้ค่าเสียหาย รับซื้อหรือใช้ราคาสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการเป็นต้นว่า ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว สิ่งก่อสร้างตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามสัญญาเช่า โจทก์ไม่เสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๒๐,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๓๐,๐๐๐ บาท
ศาลฎีกาได้ปรึกษาประเด็นที่ว่าสัญญาเช่าได้เลิกไปแล้วหรือหาไม่ นั้นในที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า พฤติการณ์หลังจากโจทก์เดินทางไปต่างประเทศแล้ว จำเลยที่ ๑ ได้แสดงเจตนาแก่นายองุ่น ผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนโจทก์ที่จะไม่ให้โจทก์เช่าต่อไป นายองุ่นเข้าใจในเจตนาของจำเลยที่ ๑ อยู่เต็มอก แต่เสแสร้งไปต่าง ๆ ที่จะไม่ยอมรับรู้ด้วย ครั้นจำเลยที่ ๑ ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังนายองุ่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปที่สำนักงานนายองุ่นเช่นเคย ก็เกิดหาตัวคนรับหนังสือไม่ได้ แต่แล้วในระยะเดียวกันนั้น นายองุ่นก็มีหนังสือส่งธนาณัติมาชำระค่าเช่าอีก โดยระบุตำบลที่อยู่มาเช่นเดิมนั่นเอง แสดงว่านายองุ่นยังคงอยู่ที่สำนักงานเดิม การที่จะหาตัวคนจะรับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ได้ จนพนักงานไปรษณีย์ต้องส่งกลับคืนยังจำเลยที่ ๑ จึงหาใช่เพราะเหตุที่นายองุ่นมิได้มีตัวอยู่ที่นั่นไม่ ปรากฏว่าเมื่อจำเลยนำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปปิดที่บ้านเช่านั้น นายสงัดคนเฝ้าบ้านยังได้ฉีกเอาไปให้นายเชื้อผุ้ออกทุนให้โจทก์ตั้งโรงเรียนในบ้านเช่าดู ทั่งนายองุ่นยังได้ไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าคนของจำเลยที่ ๑ บุกรุกเข้าไปอยู่ในบ้านเช่า พฤติการณ์ดังนี้
ย่อมเห็นอยู่แล้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ซึ่งแม้ขณะนั้นตัวโจทก์จะอยู่ในต่างประเทศ ก็ได้ตั้งนายองุ่นเป็นตัวแทนมอบอำนาจไว้ จำเลยที่ ๑ เพียรพยายามบอกเลิกสัญญาถึงปานนี้แล้ว ก็ยังไม่พอจะให้กระทำประการใดอีก จำเลยที่ ๑ กับนายองุ่นตัวแทนของโจทก์ติดต่อโต้ตอบกันมาได้ในตอนอื่น ๆ พอถีงตอนบอกเลิกสัญญาเช่า นายองุ่นจะไม่ยอมรับรู้ ดูกระไรอยู่ ที่ประชุมใหญ่มีมติว่า การแสดงเจตนาของจำเลยที่ ๑ ต้องถือว่าได้ไปถึงฝ่ายผู้เช่าแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐ และตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๗/๒๔๙๖
เมื่อการบอกเลิกสัญญาเช่าชอบแล้ว สัญญาก็ระงับ การที่จำเลยเข้าครอบครองบ้านเช่าจึงชอบที่จะกระทำได้ ไม่เป็นการผิดสัญญาหรือละเมิด ฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ไม่ได้ใช้บ้านเช่าจึงปราศจากข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักในอันที่จะเรียกร้องได้ เรื่องเรียกค่าก่อสร้างนั้นตามสัญญาข้อ ๖ ได้ตกเป็นของผู้ให้เช่า โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้อง ส่วนเรื่องทรัพย์ที่สูญหายนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ จะได้บงการให้ใครเอาไป ที่ศาลล่างว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าสูญหายไปเพราะการกระทำของจำเลยนั้นชอบแล้ว
เป็นอันว่าฟ้องโจทก์ตกไปหมด พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เสียทั้งเรื่อง

Share