แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ติดต่อและรับเงินจากผู้ต้องการได้ประกาศนียบัตรปลอมกับจดชื่อวันดือนปีเกิดของผู้นั้นให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ไปติดต่อกับคนที่ปลอมเอกสาร เมื่อได้เงินมาก็แบ่งปันกัน ดังนี้ แม้จำเลยทั้งสองมิได้ลงมือกระทำการปลอมเองก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าได้ร่วมกันกับคนที่ทำปลอมขึ้นโดยแล่งหน้าที่ทำกันทำ จำเลยทั้งสองจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปลอมประกาศนียบัตรของกรมสามัญศึกษา และนำไปใช้อ้างและจำหน่าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๕,๒๖๘,๘๓ และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายปรีชาผู้มาติดต่อให้ทำประกาศนียบัตรทราบดีว่าเป็นเอกสาร นับได้ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำด้วย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ใช้เอกสารปลอม ทั้งนายปรีชายังไม่ได้ใช้หรืออ้างต่อผู้ใด พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ จำคุกคนละ ๒ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ ๑ ปี ๔ เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานใช้เอกสารปลอมอีกฐานหนึ่ง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง แต่ก่อนส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์จำเลยที่ ๑ ขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกันใช้ เอกสารปลอมและร่วมกันปลอมเอกสาร ส่วนจำเลยที่ ๑ แม้จะถอนอุทธรณ์ เมื่อพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันปลอมเอกสาร ต้องถือว่าเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดีต้องยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ ในข้อหาปลอมเอกสารด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยทั้งสองในข้อหาฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปลอมเอกสารตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีน่าเชื่อว่านายปรีชาได้ใบประกาศนียบัตรปลอมมาโดยจำเลยทั้งสองจัดการให้จริง ซึ่งตามคำรับของจำเลยทั้งสองชั้นสอบสวนว่า จำเลยที่ ๑ จดชื่อวันเดือนปีเกิดของนายปรีชาให้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ เป็นคนเรียกเงินจาก
นายปรีชา แล้วจำเลยที่ ๒ นำชื่อวันเดือนปีเกิดไปให้นายวิชัย ต่อจากนั้นทั้งสามคนไปเอาประกาศนียบัตรจากนายวิชัย การกระทำของจำเลยทั้งสองแม้ไม่ได้ลงมือกระทำการปลอมเองก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดแจ้งว่าได้ร่วมกันกับคนที่ทำปลอมขึ้นโดยแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ติดต่อและรับเงินจากนายปรีชา กับจดชื่อวันเดือนปีเกิดให้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ไปติดต่อกับคนที่ปลอมเอกสาร เมื่อได้เงินมาก็แบ่งปันกัน เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ประกอบด้วยเหตุผลมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยร่วมสมคบกันทำเอกสารรายการปลอม
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสองไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น