แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ขณะที่ผู้ร้องและจำเลยทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ของกลางกันจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องและผู้ร้องยังค้างชำระราคาเป็นเงิน 50,000 บาท โดยจำเลยจะส่งมอบรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องในวันที่ได้รับชำระราคาส่วนที่เหลือ จึงเป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขตาม ป.พ.พ. มาตรา 459 กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังไม่โอนไปจนกว่าผู้ร้องจะได้ชำระราคาและโอนทะเบียนกัน ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางที่แท้จริง ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางตาม ป.อ. มาตรา 36
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) และริบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ท-6927 นครปฐม ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์หมายเลขทะเบียน ท-6827 นครปฐม ของกลาง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้คืนรถยนต์ของกลางผู้แก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องเพื่ประโยชน์ของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน ท-6827 นครปฐม ของกลางไปใช้กระทำความผิดในคดีนี้ และศาลมีคำพิพากษาให้ริบ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางที่แท้จริงหรือไม่ ผู้ร้องมีตัวผู้ร้อง จำเลย และนายบุญสม เอี่ยมสมบูรณ์เบิกความเป็นพยานว่า เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2547 ผู้ร้องซื้อรถยนต์ของกลางจากจำเลย ในราคา 150,000 บาท ชำระเงินในวันทำสัญญา 100,000 บาท ส่วนที่เหลือจะต้องชำระให้เสร็จสิ้นภายในเดือนเมษายน 2548 ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ร.1 เห็นว่า ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ร.1 จำเลยตกลงจะส่งมอบรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องในวันที่ได้รับชำระราคาในส่วนที่ค้างอยู่จนครบ และได้ความจากผู้ร้องว่า ผู้ร้องและจำเลยตกลงกันว่าเมื่อผู้ร้องยังชำระราคาไม่ครบ จำเลยขอนำรถยนต์ของกลางไปใช้ก่อนฟังได้ว่า ขณะที่ผู้ร้องและจำเลยทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ของกลางกันจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องและผู้ร้องยังค้างชำระราคาเป็นเงิน 50,000 บาท โดยจำเลยจะส่งมอบรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องในวันที่ได้รับชำระราคาส่วนที่เหลือ ดังนี้สัญญาซื้อขายดังกล่าว จึงเป็นสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 459 กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางยังไม่โอนไปจนกว่าผู้ร้องจะได้ชำระราคาและโอนทะเบียนกัน กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางจึงยังเป็นของจำเลย ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางที่แท้จริง ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน