แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เขียนข้อความนำไปปิดประกาศที่บอร์ดของสหภาพแรงงานเป็นข้อความวิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาผู้บริหารโรงแรมกลั่นแกล้งพนักงานสหภาพแรงงานเป็นทาสฝรั่ง แม่บ้านของโรงแรมประพฤติชั่ว จิตทราม เข้าลักษณะหมิ่นประมาทจำเลย การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำโดยโจทก์ไม่ได้ทำผิด เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหากไม่สามารถปฏิบัติได้ให้ค่าเสียหาย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับในการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงโดยโจทก์ได้เขียนบทความซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชา ก่อให้เกิดความแตกแยกและเข้าใจผิดต่อจำเลยนำไปติดบอร์ดของสหภาพแรงงานหลายครั้ง จำเลยได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้วโจทก์ยังคงฝ่าฝืนอีกการกระทำของโจทก์เป็นผิดอาญา และเป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหายจำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์เขียนข้อความวิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาผู้บริหารโรงแรมกลั่นแกล้งพนักงานสหภาพแรงงานเป็นทาสฝรั่ง แม่บ้านของโรงแรมประพฤติชั่วจิตทรามเข้าลักษณะหมิ่นประมาทจำเลย การกระทำของโจทก์เป็นการจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๓ และโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๕ ข้อ ๔๗(๒) และถือไม่ได้ด้วยว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน