แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย ดังนี้เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปีหรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลย ซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดฯ จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้เพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 ปีปรับ 20,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวม 2 ปี ปรับ 20,000 บาทโทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี และให้คุมความประพฤติมีกำหนด 1 ปี โจทก์อุทธรณ์ให้กำหนดโทษหนักขึ้น และไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่กำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและข้อหาจำหน่ายกัญชาโดยมิได้รับอนุญาต โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก3 เดือน การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับและไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปี หรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท เมื่อจำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ และคุมความประพฤติจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย