แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องที่เช่าช่วงห้องพิพาทจากจำเลยโดยโจทก์ผู้ให้เช่าเดิมรู้เห็นยินยอม ไม่ใช่บริวารของจำเลย จะใช้คำพิพากษาที่บังคับขับไล่จำเลยมาบังคับขับไล่ผู้ร้องด้วยไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับบริวารของจำเลย 10 ราย เรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2543
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์จำเลยทำสัญญาโดยจำเลยและบริวารยอมออกจากตึกพิพาทภายใน ๑๕ วัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด โจทก์ยื่นคำร้องขอให้บังคับขับไล่บริวาร คือผู้ร้องทั้ง ๑๐ ราย แต่ปรากฎว่าผู้ร้องได้เช่าช่วงห้วงซึ่งเป็นบ้านเดียวกัน จากจำเลยโดยโจทก์รู้เห็นยินยอม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การที่ผู้ร้องเช่าห้องพิพาทจากจำเลย โดยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์นั้น ผู้ร้องไม่ได้อาศัยสิทธิของจำเลยที่อยู่ในห้องพิพาทนี้ ไม่ใช่เป็นบริวารของจำเลย คำพิพากษาไม่มีผลผูกพันผู้ร้อง ให้ยกคำร้องของโจทก์ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า เมื่อฟังว่าผู้ร้องเช่าช่วงห้องพิพาทจากจำเลยโดยโจทก์ผู้ให้เช่าเดิมยินยอม จะถือว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า กรณีเช่นนี้ ผู้ร้องมิใช่เป็นบริวารของจำเลย จะใช้คำพิพากษาที่บังคับขับไล่จำเลยมาบังคับผู้ร้องด้วยไม่ได้
ส่วนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา แม้คู่ความมิได้โต้แย้งปัญหานี้ขึ้นมาโดยตรง แต่เป็นเรื่องค่าธรรมเนียมซึ่งต้องปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ในคำฟ้องฎีกา และศาลล่างทั้งสองมีความเห็นแตกต่างกันมา กล่าวคือ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็น ๑๐ เรื่อง เรียงรายตัวบริวาร แต่ศาลอุทธรณ์ให้เรียกค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นเรื่องเดียว ปัญหาว่า กรณีเช่นนี้ควรเรียกค่าธรรมเนียมอย่างไร ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า เรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว