คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ข้อที่จำเลยกระโดดหน้าต่างหนีตำรวจลงมาที่กันสาดเมื่อตำรวจไปถึงบ้านจำเลยเพื่อจับ เป็นพยานหลักฐานที่ประมวลเข้าพิสูจน์ได้ว่า จำเลยชิงทรัพย์ตามฟ้อง

ย่อยาว

คดีไม่มีประจักษ์พยาน เพราะเจ้าทรัพย์ถูกฆ่าตาย แต่โจทก์มีคำรับสารภาพของจำเลยเมื่อถูกจับเพราะจำนนต่อวัตถุพยานที่พบ เช่นสร้อยของกลางในตัวจำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ13 ปี 4 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคท้าย, 78 ป.ว. ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14 คืนของกลางแก่ญาติผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนโดยสมัครใจเพราะจำนนต่อหลักฐานพยานวัตถุสร้อยของกลางซึ่งค้นได้ในตัวจำเลยที่ 2 ในเวลากระชั้นชิดกัน ขณะเกิดเหตุและโจทก์ยังมีพยานบุคคลคือ นายอภินันท์ ร้อยตำรวจโทถนัด และร้อยตำรวจเอกยงยุทธซึ่งได้ร่วมติดตามคนร้ายไปในเวลากระชั้นชิดมาสืบประกอบถึงวิธีการติดตามสืบหาตัวคนร้าย จนกระทั่งพบจำเลยที่ 2 แลค้นพบสร้อยของผู้ตายในตัวจำเลยที่ 2 และยังค้นพบเสื้อยืดลายเขียวเหลืองและรองเท้าที่จำเลยที่ 1ใช้สวมใส่ในขณะกระทำผิดในห้องน้ำของผู้ตาย ซึ่งยังเปียกน้ำอยู่มาแสดงเป็นหลักฐานยันต่อจำเลยที่ 1 ตลอดจนพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้กระโดดหนีตำรวจลงมาที่กันสาดในเช้าวันที่ไปจับกุมนั้น ย่อมเป็นพยานหลักฐานที่ประมวลเข้าด้วยกันอันพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทั้งสองคือคนร้ายที่ได้ร่วมกันกระทำความผิดในคดีนี้”

พิพากษากลับ บังคับตามศาลชั้นต้น

Share