แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การระบุถึงสถานที่ที่เกิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำต้องระบุตำบลที่เกิดเหตุเสมอไป โดยเพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีก็เป็นการเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า ส. และจำเลยมิได้มีหนี้สินต่อกัน เช็ครายพิพาทไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการยักยอกเงินของโจทก์ การกระทำของจำเลยขาดเจตนาในการออกเช็คอันจะเป็นเหตุให้ได้รับโทษทางอาญา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขายถุงพลาสติกให้แก่ลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่และให้พนักงานเก็บเงินไปเก็บเงินค่าถุงพลาสติกจากลูกค้าดังกล่าว พนักงานเก็บเงินของโจทก์เก็บเงินจากลูกค้าแล้วสมคบกับจำเลยเอาเงินนั้นไปใช้ จำเลยจึงออกเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก สั่งจ่ายเงินจำนวน 53,795 บาท เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำนหนดโจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เหตุว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย การกระทำของจำเลยเป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การระบุถึงสถานที่ที่เกิดเหตุการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่จำต้องระบุตำบลที่เกิดเหตุเสมอไป โดยเพียงแต่กล่าวไว้พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นการเพียงพอแล้ว ทั้งนี้ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป สำหรับคดีนี้คำฟ้องของโจทก์บรรยายถึงสถานที่ที่เกิดการกระทำผิดโดยระบุว่าเหตุเกิดที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัดสาขาประตูช้างเผือก เลขที่ 169/1-3 ถนนโชตนา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นธนาคารตามเช็ครายพิพาทของจำเลย และที่แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร กับตำบลในคลองบางปลากด อำเภอเมืองสมุทรปราการอันเป็นภูมิลำเนาของโจทก์และจำเลยตามที่กล่าวในฟ้อง เกี่ยวเนื่องกัน ถือได้ว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดที่เกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นมีกำหนด 6 เดือนโดยฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยออกเช็ครายพิพาทเพื่อให้นายสุชาติยืมไปชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เนื่องจากนายสุชาติยักยอกเงินของโจทก์ และการที่จำเลยออกเช็คล่วงหน้าก็เพื่อให้นายสุชาติหาเงินมาใช้ให้โจทก์ แล้วนำเช็ครายพิพาทมาคืนจำเลย แต่ถ้านายสุชาติไม่สามารถใช้เงินให้โจทก์ได้ จำเลยก็ยินยอมให้นำเช็ครายพิพาทไปเรียกเก็บเงินเพื่อชำระหนี้โจทก์ โดยจำเลยทราบดีมาตั้งแต่แรกที่ออกเช็ครายพิพาทว่าจำเลยไม่สามารถมีเงินที่จะจ่ายตามเช็คดังกล่าวได้ จึงเป็นการออกเช็คเพื่อที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฎีกาข้อโต้เถียงของจำเลยที่อ้างว่า นายสุชาติและจำเลยมิได้มีหนี้สินต่อกัน เช็ครายพิพาทไม่มีมูลหนี้ตามกฎหมาย และจำเลยมิได้มีส่วนร่วมในการยักยอกเงินของโจทก์ การกระทำของจำเลยขาดเจตนาในการออกเช็คอันจะเป็นเหตุให้ได้รับโทษทางอาญา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน