คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486-2487/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการมรดกและเป็นผู้รับมรดกทั้งหมดตามพินัยกรรมได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่เจ้าหนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายก็สะดุดหยุดลงอายุความสำหรับสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงต้องตั้งต้นนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้โดยเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่แต่เวลานั้นสืบไป
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาไว้ในคดีก่อนว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีนี้ใหม่ในทางที่ถูกต้องได้ โจทก์ย่อมฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องมีใจความทำนองเดียวกันว่า โจทก์ทั้งสองได้ฝากเงินไว้กับนายยิ่งยง คุณวิศาล เมื่อถึงกำหนดคืน นายยิ่งยง คุณวิศาลขอผัดและให้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ ต่อมานายยิ่งยง คุณวิศาลถึงแก่กรรม โจทก์ได้ฟ้องกองมรดกนายยิ่งยง คุณวิศาล ให้คืนเงินฝาก แต่ศาลยกฟ้องเพราะกองมรดกไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย เนื่องจากจำเลยทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของนายยิ่งยง คุณวิศาล มีหน้าที่ชำระเงินคืนให้โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนายยิ่งยง คุณวิศาล ชำระเงินคืนแก่โจทก์ทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ในฐานะผู้จัดการมรดก ยินดีชำระหนี้ให้โจทก์

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยไม่รับรองว่านายยิ่งยง คุณวิศาลได้รับฝากเงินจากโจทก์ดังฟ้อง และไม่รับรองว่าสำเนาหนังสือรับฝากเงินท้ายฟ้องเป็นหนังสือที่นายยิ่งยง คุณวิศาล ทำให้ไว้และไม่รับรองคำแปลภาษาไทยว่าถูกต้อง คดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้ว ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำ และโจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปีนับแต่นายยิ่งยง คุณวิศาลถึงแก่ความตาย คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรค 3 แล้ว ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่สมฟ้องที่จะให้เชื่อได้ว่าโจทก์ได้ฝากเงินตามสำนวนที่ฟ้องไว้กับนายยิ่งยง คุณวิศาล เจ้ามรดกจึงไม่จำเป็นต้องพิเคราะห์ประเด็นที่ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ต่อไปอีก พิพากษายืนในผล ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน

รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทำความเห็นแย้งว่า หลักฐานของโจทก์น่าเชื่อว่าได้มีการฝากเงินกันดังฟ้องจริง และการที่จำเลยที่ 1ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ ถือว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ ควรพิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงที่ไม่ได้โต้เถียงกันว่า โจทก์ทั้งสองสำนวนนี้เคยฟ้องกองมรดกนายยิ่งยง เรียกเงินตามฟ้อง ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะกองมรดกไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นคู่ความไม่ได้ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ในทางที่ถูกต้องโจทก์ได้ทวงถามจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกนายยิ่งยงให้ชำระเงินที่โจทก์ฝากนายยิ่งยงไว้แล้ว และฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่านายยิ่งยงได้รับฝากเงินไว้จากโจทก์ทั้งสอง และจำเลยที่ 1 ได้ให้ดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวแก่โจทก์ทั้งสองจริงและเห็นว่า นายยิ่งยงได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่จำเลยที่ 1 ทั้งหมดแต่ผู้เดียว เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกและเป็นผู้ได้รับมรดกตามพินัยกรรมดังกล่าวอีกฐานะหนึ่งได้ชำระดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสองก็ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เมื่อจำเลยที่ 1 รับสภาพหนี้แล้วอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 ที่มิให้เจ้าหนี้ฟ้อง เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อเจ้ามรดกตายนั้น ก็สะดุดหยุดลง สำหรับสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้จึงต้องตั้งต้นนับใหม่ตามอายุความแห่งมูลหนี้ โดยเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ แต่เวลานั้นสืบไป คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ และโจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่โจทก์เคยฟ้องกองมรดกของนายยิ่งยง ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลได้พิพากษาคดีดังกล่าวแล้ว ได้มีคำพิพากษาว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีนี้ใหม่ในทางที่ถูกต้องได้ โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของนายยิ่งยง คุณวิศาล ชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองสำนวนพร้อมดอกเบี้ย

Share