คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุ 17 ปีไปเสียจากบิดามารดาของผู้เสียหายเพื่อให้เป็นภรรยาของจำเลย โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของนางสาวนพพรทัพวงศ์ อายุ 17 ปีเศษ อยู่ร่วมบ้านเรือนเดียวกันกับโจทก์และนางชิดมารดา จำเลยได้บังอาจพรากเอาตัวนางสาวนพพร ทัพวงศ์ซึ่งมิใช่ภรรยาของจำเลยไปเสียจากความปกครองดูแลของโจทก์และนางชิตเพื่อการอนาจาร โดยนางสาวนพพรเต็มใจไปด้วย ต่อมาจำเลยได้กระทำอนาจารและกระทำชำเรานางสาวนพพรจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยหลายครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 12

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 12 จำคุกจำเลย 1 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้เสียหายกับจำเลยนัดหมายหนีตามกันไปเพื่ออยู่กินเป็นสามีภรรยากันด้วยความสมัครใจ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องโจทก์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องของโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์เจือสมพยานหลักฐานของจำเลยว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาของจำเลยไม่ใช่เพื่อการอนาจารผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share