คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2485/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์คดีนี้ และคดีก่อนมีมูลมาจากการเลิกจ้างตามคำสั่งเลิกจ้างฉบับเดียวกัน เป็นแต่เพียงโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องคดีก่อนว่าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ส่วนคดีนี้โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นการเลิกจ้างที่ถูกปรักปรำและถูกบีบคั้นของจำเลย ซึ่งไม่ว่าโจทก์จะกล่าวอ้างถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างอย่างในคดีก่อนหรือคดีนี้ก็ตาม คดีทั้งสองก็มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่ามีเหตุสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างได้หรือไม่เมื่อคดีก่อนคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ต่อมาวันที่ 29 ธันวาคม 2524 จำเลยได้มีคำสั่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ 3870/2524 ให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการเลิกจ้างที่ถูกปรักปรำ และถูกบีบคั้นของจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่3870/2524 เรื่อง ให้พนักงานออกจากงาน และให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยคำสั่งที่ 3870/2524เพราะโจทก์ประพฤติผิดระเบียบข้อบังคับและวินัย โดยไม่อุทิศตนให้แก่หน้าที่การงานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ละทิ้งหน้าที่ ถือว่าเป็นผู้หย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่การงานจำเลยจึงให้โจทก์ออกจากงานตามคำสั่งดังกล่าว โจทก์เคยฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุแห่งการเลิกจ้างตามคำสั่งฉบับเดียวกันนี้ โดยอ้างว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ศาลพิพากษายกฟ้อง ตามคดีหมายเลขดำที่ 441/2525 คดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525 ของศาลแรงงานกลางคดีถึงที่สุดแล้ว ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีดังกล่าว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525 โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโดยเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ถูกปรักปรำและถูกบีบคั้นของจำเลยจึงมิใช่ประเด็นที่ศาลจะได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525 นั้น พิเคราะห์แล้วในปัญหาดังกล่าวนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งที่ 3870/2524ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2524 ให้โจทก์ออกจากงานฐานเป็นผู้หย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่การงาน ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่บกพร่องในหน้าที่ ตามข้อ 34 (2) แห่งข้อบังคับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าด้วยระเบียบพนักงาน พ.ศ. 2517โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางกล่าวหาว่าคำสั่งของจำเลยที่ 3870/2524 ที่เลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525 โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้โดยอ้างเหตุว่าคำสั่งของจำเลยที่ 3870/2524 ที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ถูกปรักปรำและบีบคั้นของจำเลย ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525ของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้ และคดีหมายเลขแดงที่ 1212/2525 มีมูลมาจากการเลิกจ้างตามคำสั่งของจำเลยที่ 3870/2524 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2524 ฉบับเดียวกันนั้นเองเป็นแต่เพียงโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องคดีก่อนว่าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมส่วนคดีนี้โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นการเลิกจ้างที่ถูกปรักปรำและถูกบีบคั้นของจำเลยซึ่งไม่ว่าโจทก์จะกล่าวอ้างถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างอย่างในคดีก่อนหรือคดีนี้ก็ตามคดีทั้งสองก็มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่ามีเหตุอันสมควรที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้หรือไม่ เมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีก่อน โดยวินิจฉัยว่าการเลิกจ้างโจทก์ไม่ใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ตามคดีหมายเลขแดงที่1212/2525 และคดีถึงที่สุดแล้ว ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31
พิพากษายืน.

Share