แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำที่เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจาก เจ้าของรวมคนอื่นนั้นจะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ในขณะที่ลักหากแต่ทรัพย์นั้น อยู่ในความครอบครองของเจ้าของรวมคนอื่นและเอาไปจากการ ครอบครองของผู้นั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 83, 80
ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 บัญญัติว่า”ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์” การกระทำที่เจ้าของรวมจะมีความผิดฐานลักทรัพย์ไปจากเจ้าของรวมคนอื่นนั้น จะต้องได้ความว่าเจ้าของรวมผู้ลักมิได้ครอบครองทรัพย์อยู่ในขณะที่ลัก หากแต่ทรัพย์นั้นอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรวมคนอื่นและเอาไปจากการครอบครองของผู้นั้น คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปความได้ว่า โจทก์กับจำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนในการซื้อไม้เพื่อขายแล้วนำผลกำไรมาแบ่งกัน โดยโจทก์เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการซื้อและขายไม้แต่ผู้เดียว ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแสดงว่าทรัพย์ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองลักไป โจทก์ซื้อไว้และครอบครองในฐานะที่เป็นหุ้นส่วน ซึ่งจำเลยทั้งสองมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในทรัพย์ดังกล่าวนี้การครอบครองของโจทก์จึงเป็นการครอบครองไว้แทนจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของรวมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ครอบครองทรัพย์นั้นด้วย แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการซื้อและขายไม้แต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องอำนาจจัดการในกิจการของหุ้นส่วนเท่านั้น คำฟ้องโจทก์จึงไม่พอแสดงให้เห็นว่าโจทก์ครอบครองทรัพย์นั้นแต่ผู้เดียวแล้วจำเลยทั้งสองมาเอาทรัพย์ดังกล่าวไปจากโจทก์ ข้อเท็จจริงตามฟ้องเป็นเรื่องจำเลยทั้งสองกระทำแก่ทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของตนจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
พิพากษายืน