คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2476/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่64/1หมู่ที่3แขวงบางแคเขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครมีจำเลยและบุตรอีก2คนพักอาศัยอยู่ด้วยแต่จำเลยแจ้งย้ายออกเพียง2คนโดยแจ้งว่าย้ายเข้าบ้านเลขที่30หมู่ที่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนแต่มิได้ย้ายบุตรทั้งสองไปด้วยและแทนที่จะย้ายเข้าที่บ้านเลขที่30หมู่ที่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนกลับย้ายเข้าที่บ้านเลขที่22หมู่1ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนคนละแห่งกันกับที่แจ้งย้ายเข้าและเพียงเดือนเศษก็แจ้งย้ายออกไปเข้าที่บ้านเลขที่21หมู่ที่4ตำบลท่าพักอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีแต่ก็มิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใดแสดงว่าการที่จำเลยแจ้งย้ายทะเบียนบ้านจากภูมิลำเนาเดิมที่กรุงเทพมหานครไปยังที่ต่างๆดังกล่าวก็เพียงเพื่อมิให้โจทก์ติดตามสืบหาที่อยู่ได้เท่านั้นโดยจำเลยไม่ได้เข้าพักอาศัยไม่ได้ย้ายบุตรไปด้วยพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใดดังนั้นแม้จำเลยได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเข้าบ้านเลขที่ตามฟ้องซึ่งอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นก็จะถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหาได้ไม่ต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้ายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครศาลจังหวัดลำพูนจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีของโจทก์ไว้พิจารณาตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา150

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้อง แต่ต่อมามีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เพราะจำเลยทั้งสองไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความตามคำฟ้อง คำแถลงและฎีกาของโจทก์ว่าเดิมจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ที่ 3แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จำเลยทั้งสองแจ้งการย้ายออกจากบ้านเลขที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2526โดยแจ้งว่าย้ายเข้าบ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้มอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แต่จำเลยทั้งสองมิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนกลับย้ายเข้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซางจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2530 แจ้งว่า จะย้ายไปเข้าที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าพัก อำเภอดำเนินสะดวกจังหวัดราชบุรี แต่จำเลยทั้งสองมิได้ย้ายเข้าตามที่แจ้งไว้แต่อย่างใด เห็นว่า ตามหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 64/1 หมู่ที่ 3แขวงบางแค เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ท้ายอุทธรณ์ที่โจทก์อ้างถึงมีจำเลยทั้งสองและบุตรอีก 2 คน พักอาศัยอยู่ด้วยแต่จำเลยทั้งสองแจ้งย้ายออกเพียง 2 คนมิได้ย้ายบุตรทั้งสองไปด้วย และแทนที่จะย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 1ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน กลับย้ายเข้าที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 1 ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูนคนละแห่งกันกับที่แจ้งย้ายเข้าและเพียงเดือนเศษก็แจ้งย้ายออกไปเข้าที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าพักอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี แต่ก็มิได้ย้ายเข้าบ้านเลขที่ดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้แต่อย่างใด แสดงว่าการที่จำเลยทั้งสองแจ้งย้ายทะเบียนบ้านจากภูมิลำเนาเดิมที่กรุงเทพมหานครไปยังที่ต่าง ๆ ดังกล่าว ก็เพียงเพื่อมิให้โจทก์ติดตามสืบหาที่อยู่ได้เท่านั้น โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้เข้าพักอาศัยไม่ได้ย้ายบุตรไปด้วย พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาแต่อย่างใด ดังนั้น แม้จำเลยทั้งสองได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเข้าบ้านเลขที่ตามฟ้องซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นก็จะถือว่าจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นหาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาครั้งสุดท้ายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ศาลชั้นต้นจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีของโจทก์ไว้พิจารณาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 150 ได้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share