แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายฟ้องผู้มีชื่อต่อศาล เมื่อโจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์ และเมื่อเลิกสัญญาแล้วจำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดีหาใช่คิดแต่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นไม่ (อ้างฎีกาที่ 962/2509 และ 455/2506) และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในกรณีนี้มีกำหนดอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(15)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างให้โจทก์ว่าความให้จำเลย ถ้าแพ้คดีในที่สุด ไม่คิดค่าจ้างกัน โจทก์ได้ดำเนินคดีให้จำเลยแล้ว ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ แต่จำเลยไม่ให้ค่าว่าความตามที่ตกลงกัน จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ชำระค่าว่าความตามสัญญาพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ให้ว่าความให้จำเลยจริงแต่จำเลยได้มีจดหมายแจ้งให้โจทก์ถอนตัวจากการเป็นทนายเป็นเวลากว่า5 ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าจ้างจากจำเลย โจทก์ฟ้องนายบุญทองกับพวกฐานละเมิด ในคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ โดยไม่ฟ้องฐานผิดสัญญาและขอเลิกสัญญา จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีเพราะศาลพิพากษาว่าคำฟ้องของจำเลยไม่เข้าลักษณะละเมิด แต่เป็นการกระทำผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้างจากจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ให้ว่าความตามฟ้องจริง แต่โจทก์ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลยเกินกว่า 2 ปีแล้ว คดีจึงขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้จ้างโจทก์ว่าความให้จำเลยจริง ต่อมาจำเลยได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลย ส่วนคดีที่จำเลยเป็นโจทก์ฟ้องนายบุญทองกับพวก ศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิได้มีเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้างกับโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 จำเลยเพียงขอร้องให้โจทก์ยื่นคำแถลงขอถอนจากการเป็นทนาย แล้วจำเลยจะคิดค่าป่วยการให้โจทก์ คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยถือได้ว่าจำเลยได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วเมื่อโจทก์ยังดำเนินคดีไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นให้แก่โจทก์ ตามนัยฎีกาที่ 962/2509 เมื่อเลิกสัญญากันแล้ว คู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิม โดยวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 2, 3, 4 โดยเฉพาะก็คือจำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดี หาใช่คิดแต่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้นไม่ ดังนัยฎีกาที่ 455/2506 แต่สิทธิเรียกร้องของโจทก์ต้องอยู่ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีนับแต่โจทก์ได้รับหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาจากจำเลย โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเกินกำหนด2 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(15) ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามคำให้การจำเลยปรากฎว่าจำเลยได้สละข้อต่อสู้เรื่องอายุความเสียแล้ว เห็นว่า คำให้การของจำเลยระบุชัดว่าจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบจนบัดนี้เป็นเวลา 5 ปีแล้ว คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ดังนี้ จำเลยหาได้สละข้อต่อสู้เรื่องอายุความไม่
พิพากษายืน