คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โทรสารที่โจทก์ส่งมายังจำเลยที่ 1 ข้อความบางตอนมีรายละเอียดเกี่ยวกับการหย่าว่าการหย่าครั้งนี้เป็นการหย่าที่ยินยอมทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีการฟ้องหย่าเรื่องชู้สาวระหว่างจำเลยทั้งสอง แต่กรณีที่จะเป็นการกระทำอันแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นการที่โจทก์ให้อภัยการกระทำของจำเลยทั้งสองและทำให้สิทธิฟ้องหย่าหมดไปนั้นต้องได้ความว่าคู่สมรสที่มีสิทธิฟ้องหย่าจะต้องมีเจตนาที่จะยกโทษให้คู่สมรสฝ่ายที่ทำผิดกลับคืนสู่สถานะในทางครอบครัวดังเดิม คือคู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีเจตนากลับมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป การที่โจทก์ขอเข้าไปขนย้ายทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ออกจากบ้านที่เคยอยู่กินกับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 จะอยู่กินฉันสามีภริยาดังเดิมต่อไปอีก นอกจากนี้โจทก์ยังได้แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานพยายามฆ่า ตามพฤติการณ์จึงไม่อยู่ในวิสัยที่โจทก์และจำเลยที่ 1 จะกลับมาอยู่กินฉันสามีภริยากันดังเดิมต่อไป ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ให้อภัยแก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้สิทธิฟ้องหย่าหมดไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1518

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ดำเนินการจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 500,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 หย่าขาดจากกัน ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าทดแทน 500,000 บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าทดแทน 300,000 บาท รวมเป็นเงิน 800,000 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 300,000 บาท และให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 150,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 อยู่กินฉันสามีภรรยาก่อนจดทะเบียนสมรสโดยไม่มีบุตรด้วยกัน ต่อมาภายหลังได้จดทะเบียนสมรสและจำเลยที่ 1 รับว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการแรกว่า สิทธิฟ้องหย่าของโจทก์หมดไป เนื่องจากโจทก์ให้ความยินยอมและรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่าหรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาอ้างว่า โจทก์ให้ความยินยอมและรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 2 และไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองตั้งแต่วันที่โจทก์ส่งโทรสารมายังจำเลยที่ 1 แล้ว เห็นว่า แม้เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงสำเนาเอกสาร แต่โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านรับว่าเป็นผู้ส่งเอกสารมายังจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่สามารถอ้างส่งต้นฉบับเอกสารต่อศาลในการพิจารณาได้เนื่องจากต้นฉบับเอกสารสูญหาย แต่จำเลยที่ 1 ลงชื่อรับรองสำเนาเอกสารดังกล่าวแล้ว ดังนั้นกรณีจึงเป็นเรื่องที่คู่ความไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารมาแสดงเพราะเอกสารสูญหาย และเนื่องจากเอกสารที่จำเลยอ้างดังกล่าว จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเอกสารที่มีข้อความว่าโจทก์รู้เห็นเป็นใจและได้ให้อภัยแก่จำเลยทั้งสองในการที่จำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันแล้ว จึงเห็นว่าเป็นกรณีจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะต้องนำสืบสำเนาเอกสาร ศาลจึงรับฟังสำเนาเอกสารได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (2) แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดข้อความในเอกสารดังกล่าวมีเพียงข้อความเกี่ยวกับทรัพย์สินจำพวกสิ่งของ เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่โจทก์มีถึงจำเลยที่ 1 เพื่อขอเข้าไปขนย้ายทรัพย์สินของโจทก์ออกจากบ้าน ซึ่งเป็นบ้านของมารดาจำเลยที่ 1 อันมีลักษณะเป็นเอกสารเพื่อให้เจ้าของสถานที่ยินยอมให้โจทก์นำทรัพย์สินออกมาจากบ้าน อันเป็นการป้องกันมิให้โจทก์ถูกดำเนินคดีในความผิดอาญา แม้ข้อความบางตอนมีรายละเอียดเกี่ยวกับการหย่าว่า การหย่าครั้งนี้เป็นการหย่าที่ยินยอมทั้งสองฝ่าย โดยไม่มีการฟ้องหย่าเรื่องชู้สาวระหว่างจำเลยทั้งสอง ซึ่งศาลเห็นว่า กรณีที่จะเป็นการกระทำอันแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นการที่โจทก์ให้อภัยในการกระทำของจำเลยทั้งสองและทำให้สิทธิฟ้องหย่าหมดไปนั้นต้องได้ความว่า คู่สมรสที่มีสิทธิฟ้องหย่าจะต้องมีเจตนาที่จะยกโทษให้คู่สมรสฝ่ายที่ทำผิดเพื่อที่จะให้คู่สมรสที่ทำผิดกลับคืนสู่สถานะในทางครอบครัวดังเดิม คือคู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีเจตนากลับมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาในข้อความตามเอกสาร เป็นการที่โจทก์ขอเข้าไปขนย้ายทรัพย์สินต่าง ๆ ของโจทก์ออกจากบ้านที่เคยอยู่กินกับจำเลยที่ 1 ไม่มีพฤติการณ์ที่โจทก์และจำเลยที่ 1 จะอยู่กินฉันสามีภริยาดังเดิมต่อไป อีกทั้งได้ความจากคำของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ไปอยู่กินกับจำเลยที่ 2 ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2551 นอกจากนี้โจทก์ยังได้แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานพยายามฆ่า คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล ตามพฤติการณ์จึงไม่อยู่ในวิสัยที่โจทก์และจำเลยที่ 1 จะกลับมาอยู่กินฉันสามีภริยากันดังเดิมต่อไป ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ให้อภัยแก่จำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้สิทธิฟ้องหย่าหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองประการสุดท้ายว่า สมควรกำหนดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 2 มาทำงานที่บริษัท อ.ส.ม.ท. จำกัด (มหาชน) ตำแหน่งลูกจ้างสำนักวิศวกรรม ในหน่วยงานที่จำเลยที่ 1 ทำงานอยู่ จากนั้นจำเลยทั้งสองไปพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่อุไรแมนชั่นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2551 โดยจำเลยที่ 1 รับว่ามีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 2 ก่อนไปพักยังที่ดังกล่าว การที่จำเลยที่ 1 เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์มีความสัมพันธ์และอุปการะเลี้ยงดูจำเลยที่ 2 โดยอยู่กินกันฉันสามีภริยาจึงมีเหตุฟ้องหย่าและโจทก์มีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 ซึ่งการกำหนดค่าทดแทนที่โจทก์พึงได้รับหมายรวมถึงความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ในฐานะภริยา แม้โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าสมควรได้ค่าทดแทนเท่าใด แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและฐานะความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ผู้เป็นสามี เมื่อคำนึงถึงฐานะทางสังคมของโจทก์ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการตลาด จากประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันทำงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศบริษัทซันพาราเทค จำกัด (มหาชน) ได้รับเงินเดือนรวมเบี้ยเลี้ยงและค่าเดินทางเป็นเงิน 95,000 บาท ต่อเดือน แม้โจทก์และจำเลยที่ 1 เพิ่งจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2551 และไม่มีบุตรด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1 รับว่าคบกับโจทก์ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 7 ปี ไปไหนมาไหนกับโจทก์ไม่ได้หลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทดแทนจำนวน 300,000 บาท และให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทดแทนจำนวน 150,000 บาท แก่โจทก์นั้นเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share