คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยจึงให้ผู้ร้องนำโฉนดที่ดินวางประกันต่อศาลต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 295,950 บาทพร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาและขอทุเลาการบังคับ การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยบุตรจำเลยนำสมุดเงินฝากธนาคารออมสินจำนวน 410,000 บาท วางเป็นประกันแทนหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางประกันไว้ แสดงว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้เปลี่ยนหลักทรัพย์ในการค้ำประกันจากของผู้ร้องมาเป็นหลักประกันของบุตรจำเลยแล้ว สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลจึงสิ้นสุดลงผู้ร้องมีสิทธิรับหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางไว้คืน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา จำเลยจึงให้ผู้ร้องนำโฉนดที่ดินเลขที่ 89 วางประกันต่อศาล ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 295,950 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีโดยนายประสิทธิ์ ฤทธิ์งามบุตรชายนำสมุดเงินฝากธนาคารออมสินเงิน 410,000 บาท วางเป็นประกันผู้ร้องจึงขอรับโฉนดที่ดินเลขที่ 89 คืน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า สัญญาค้ำประกันของผู้ร้องยังมีผลอยู่จึงยังไม่คืนหลักประกันให้ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนโฉนดที่ดินเลขที่ 89 แขวงแสนแสบเขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร แก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ศาลจะต้องคืนโฉนดที่ดินเลขที่ 89 ให้แก่ผู้ร้องหรือไม่เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยนายประสิทธิ์ฤทธิ์งาม บุตรชายจำเลยนำสมุดฝากเงินธนาคารออมสินจำนวนเงิน410,000 บาท วางเป็นประกันแทนหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางประกันไว้แสดงว่าในชั้นอุทธรณ์จำเลยได้เปลี่ยนหลักทรัพย์ในการค้ำประกันจากของผู้ร้องมาเป็นของนายประสิทธิ์แล้ว สัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำไว้ต่อศาลจึงสิ้นสุดลง ผู้ร้องมีสิทธิรับโฉนดที่ดินเลขที่ 89 ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่ผู้ร้องวางประกันไว้คืน
พิพากษายืน

Share