คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิม ประเด็นมีว่า โจทก์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตาม กฎหมายระเบียบแบบแผนหรือคำสั่งของจำเลยโดย จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยเสียหายหรือไม่ ส่วนคดีหลังประเด็นมีว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดย ไม่เป็นธรรมหรือไม่ โจทก์มีสิทธิได้ รับค่าจ้าง เงินโบนัสสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยตาม ฟ้องหรือไม่ประเด็นทั้งสองคดีจึงแตกต่าง กัน ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ข้อแรกว่า คดีเดิม กับคดีหลังไม่ใช่มีประเด็นอย่างเดียวกันคำพิพากษาทั้งสองคดีจึงไม่ขัดกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิม และจ่ายค่าจ้างในระหว่างเลิกจ้าง โบนัส ค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากับค่าเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำผิดส่อไปในทางทุจริต การเลิกจ้างเป็นธรรมแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์อุทธรณ์ประการแรกว่าจำเลยเคยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ตามคดีหมายเลขดำที่ 2802/2530หมายเลขแดงที่ 155/2531 ของศาลแรงงานกลาง ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่าโจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ไม่มีความผิดตามข้อบังคับว่าด้วยระเบียบพนักงานองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2516ข้อ 28(2) และ (3) ศาลแรงงานกลางควรต้องถือข้อเท็จจริงที่ยุติในคดีเดิม อีกทั้งในคดีเดิมและคดีนี้ประเด็นอย่างเดียวกัน การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีนี้ขัดกับคำพิพากษาคดีเดิม จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ในคดีเดิมประเด็นมีว่าโจทก์ (จำเลยคดีเดิม)ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผน หรือคำสั่งของจำเลย(โจทก์คดีเดิม) โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยเสียหายหรือไม่ ส่วนคดีนี้ประเด็นมีว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ โจทก์มีสิทธิได้รับค่าจ้าง เงินโบนัส สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าชดเชยตามฟ้องหรือไม่ จึงไม่ใช่ประเด็นอย่างเดียวกัน คำพิพากษาทั้งสองคดีจึงไม่ขัดกัน
ฯลฯ
พิพากษายืน.

Share