แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน จำเลยสมคบกันลักเล่นกำถั่วพนันเอาเงินที่ตำบลวังกระโจนขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอากรการพนัน ร.ศ.๑๒๐ มาตรา ๑๐-๑๑ ให้จำเลยใช้เงินค่ารางวัลแก่ผู้นำจับ ๕๐๐ บาทด้วย ฯ
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธว่าไม่ด้กระทำผิดดังข้อหา ฯ
ศาลจังหวัดนครนายกพิจารณาคดีแล้ว ฟังว่านางมาเปนเจ้ามือกำถั่ว นายบุญสามีนางมาเปนหัวเบี้ย นายแก้วจำเลยเปนผู้แทงถั่ว จำเลยนอกจากนี้ไม่ได้ความว่าได้กระทำผิดด้วย จึงพิพากษาวางบทพระราชบัญญัติอากรการพนันมาตรา ๑๑ ให้จำคุกนายบุญนางมากำหนดคนละ ๒ เดือน ปรับเปนเงินพินัยคนละ ๔๐๐ บาท ปรับนายแก้ว ๒๐๐ บาท ให้นายบุญ นางมาเสียเงินค่ารางวัลคนละ ๕๐ บาท ให้นายแก้วเสียเงินค่ารางวัล ๒๕ บาทแก่ผู้นำจับ จำเลยนอกจากนี้ให้ปล่อยตัวไป ฯ
โจทย์กับจำเลยที่ต้องโทษอุทธรณ ฯ
ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า ตามคำพยานโจทย์ไม่ควรฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา จึงพิพากษากลับคำพิพากษาเดิมให้ยกฟ้องโจทย์ปล่อยตัวจำเลยไป ฯ
โจทย์ทูลเกล้า ฯถวายฎีกาคัดค้านในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ได้ความว่านายบุญ นางมาจำเลยนี้เปนคนเดียวกันกับที่โจทย์ฟ้องในคดีเรื่องก่อนหาว่าลักเล่นกำถั่วพนันที่ศาลฎีกาได้พิพากษาที่ ๒๔๕/๖๓ แล้ว แต่ในคดีก่อนว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ ๒๑ – ๒๒ กันยายน ในคดีนี้ว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ ๑๙ กันยายนเปนการกระทำผิดคนละวัน แต่วิธีจัดการของเจ้าพนักงานอย่างเดียวกันคือเจ้าพนักงานได้เรียกพยานมาถามว่าเห็นใครลักเล่นกำถั่ว ถ้าได้ความจริงจะให้เงินรางวัลแก่พยาน จึงได้ความจากพยานว่าจำเลยได้ลักเล่นกำถั่วพนัน วันที่ ๑๙ – ๒๑ – ๒๒ กันยายน ต่อมาอีก ๖ วัน พยานนำเจ้าพนักงานไปจับจำเลยว่าจำเลยลักเล่นกำถั่วพนัน ครั้นเจ้าพนักงานไปจับตัวจำเลยพบจำเลยลักเล่นไพ่พนัน จำเลยหาได้เล่นกำถั่วไม่ เจ้าพนักงานได้ฟ้องจำเลยเรื่องลักเล่นไพ่พนันสำนวนหนึ่งแล้ว แต่ข้อที่พยานเห็นว่าจำเลยลักเล่นกำถั่วในวันก่อน ๆ นั้น คำพยานไม่แน่นอนจนศาลเดิมได้ปล่อยจำเลยบางคนไปแล้ว จึงไม่ควรฟังคำพยานว่านายบุญ นางมา นายแก้วจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหาศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไปนั้นชอบแล้ว ให้ยกฎีกาของโจทย์เสีย ฯ