คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2458/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายอันมีตำแหน่งหน้าที่การงานในอำเภอแน่นอนเพียงคนเดียวในอำเภอนั้น ถึงแม้นายอำเภอบ้านค่ายจะไม่ใช่นิติบุคคล หรือบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายอำเภออยู่เดิมได้ตายไปแล้วก็ตาม แต่ตำแหน่งนายอำเภออันเป็นตำแหน่งหน้าที่การงานยังคงอยู่ โจทก์จึงฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายในทางตำแหน่งหน้าที่ราชการเป็นจำเลยได้ (อ้างฎีกา 824/2504)
โจทก์ฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายโดย ข. ในฐานะผู้รักษาราชการแทนเป็นจำเลยที่ 3 โดยบรรยายฟ้องว่า นายอำเภอบ้านค่ายขณะ ข. ดำรงตำแหน่งอยู่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 4 นำเอาที่ดินของสามีจำเลยที่ 1 ซึ่งขายให้โจทก์แล้ว กับที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดต่อกันอีกหนึ่งแปลงไปออกใบแทน ส.ค.1 และรังวัดออก น.ส.3 และทำนิติกรรมขายให้แก่จำเลยที่ 2 ไป ดังนี้ แม้คำฟ้องและคำขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยอื่นใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิด 20,000 บาทให้โจทก์ นายอำเภอบ้านค่ายหรือผู้รักษาราชการแทนต่อมาจะไม่ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะนายอำเภอไม่ใช่เทศภิบาลปกครองท้องที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 ไม่ใช่นิติบุคคลก็ตาม แต่ฟ้องและคำขอให้ทำลายใบแทน ส.ค.1 น.ส.3 และนิติกรรมซื้อขายที่นายอำเภอบ้านค่ายโดยฐ. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งได้ทำการจดทะเบียนไว้ก็หาใช่เป็นการมุ่งฟ้อง ฐ. เป็นส่วนตัวไม่ แต่เป็นการฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายในทางตำแหน่งหน้าที่ราชการ การฟ้องเช่นนี้ ข. ในฐานะผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านค่ายไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 3 ได้ (แม้ ข. จะย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นก็จะพิพากษายกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ไม่ได้)

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายโดยนายขจิตผู้รักษาราชการแทนเป็นจำเลยที่ 3 โดยบรรยายฟ้องว่า นายอำเภอบ้านค่ายโดยนายฐิตินาถดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1, 2 และ 4 เอาที่ดิน ส.ค.1 ซึ่งสามีจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและได้ขายให้แก่โจทก์แล้ว กับที่ดินของโจทก์ที่ติดต่ออีก 1 แปลง ไปออกใบแทน ส.ค.1 ทำการรังวัดออก น.ส. 3 และทำนิติกรรมขายให้แก่จำเลยที่ 2 ไป จึงขอให้สั่งทำลายใบแทน ส.ค.1, น.ส.3 และนิติกรรมซื้อขายนั้น กับให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาท

จำเลยที่ 3 ยื่นคำให้การและยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 ในฐานะผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านค่ายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เพิกถอนนิติกรรมตามฟ้อง บัดนี้ทางกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งจำเลยที่ 3 ไปดำรงตำแหน่งอย่างอื่น จำเลยจะพ้นจากการเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในท้องที่อำเภอบ้านค่ายแล้ว จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3

ศาลชั้นต้นพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวและมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะที่เกี่ยวกับตัวจำเลยที่ 3

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 3 ด้วย

จำเลยที่ 3 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ได้ระบุชื่อคู่ความในคดีว่านายอำเภอบ้านค่ายโดยนายขจิตรักษาราชการแทนเป็นจำเลยที่ 3 และบรรยายฟ้องพอสรุปได้ว่านายอำเภอบ้านค่ายซึ่งนายฐิตินาถดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้นได้ร่วมกับจำเลยที่ 1, 2, 4 กระทำละเมิดต่อโจทก์นำเอาที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 120ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ซึ่งนายแปล่สามีจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของได้ขายให้แก่โจทก์แล้วกับที่ดินของโจทก์ที่อยู่ติดต่ออีก 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ไปออกใบแทน ส.ค.1 ทำการรังวัดออก น.ส.3 แล้วทำนิติกรรมขายให้แก่จำเลยที่ 2 ไป จึงขอให้ทำลายใบแทน ส.ค.1, น.ส.3 และนิติกรรมซื้อขายนั้นเสีย ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าว แม้ตอนแรกโจทก์มีคำขอให้จำเลยที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าต้องรับผิดเพราะการกระทำ การในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริตของนายฐิตินาถนายอำเภอบ้านค่ายคนเก่า ร่วมกันกับจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ใช้ค่าเสียหายมูลละเมิดจำนวนเงิน 20,000 บาท ให้โจทก์ เมื่อนายอำเภอไม่ใช่เทศาภิบาลปกครองท้องที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 73 ไม่ใช่นิติบุคคลแล้ว นายอำเภอบ้านค่ายหรือผู้รักษาราชการแทน คนต่อมาจึงหาต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ แต่คำฟ้องและคำขอตอนหลังโจทก์ หาได้มุ่งฟ้องนายฐิตินาถให้รับผิดเป็นการส่วนตัวไม่ หากแต่มุ่งขอให้ทำลายใบแทน ส.ค.1, น.ส.3 และนิติกรรมซื้อขายที่นายอำเภอบ้านค่ายโดยนายฐิตินาถดำรงตำแหน่งในขณะนั้นเป็นผู้ทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 71(2) อันเป็นการฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายในทางตำแหน่งหน้าที่ราชการการฟ้องเช่นนี้นายขจิตในฐานะผู้รักษาการแทนนายอำเภอบ้านค่ายหาต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวไม่ การฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายอันมีตำแหน่งหน้าที่การงานในอำเภอแน่นอนเพียงคนเดียวในอำเภอนั้น แม้นายอำเภอบ้านค่ายจะไม่ใช่นิติบุคคลก็ตาม หรือบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายอำเภออยู่เดิมได้ตายไปแล้วก็ตาม แต่ตำแหน่งนายอำเภออันเป็นตำแหน่งหน้าที่การงานก็ยังคงมีอยู่ โจทก์จึงฟ้องนายอำเภอบ้านค่ายในทางตำแหน่งหน้าที่ราชการได้ ทั้งนี้เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 824/2504 ระหว่างนายกิมสวง แซ่เฉีย โจทก์ สรรพากรจังหวัดสมุทรสงครามกับพวก จำเลย

พิพากษายืน

Share