แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเช่านานั้นพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 บัญญัติให้ความหมายไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการเช่าทรัพย์สินตาม ที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อมีบทกฎหมายว่าด้วยการเช่านาไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะแล้วจะนำบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยการเช่าทรัพย์สินในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่านาจากจำเลยในปี ๒๕๑๗ ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ให้ได้เช่ามีกำหนด ๖ ปี นับแต่วันที่กฎหมายใช้บังคับ แต่ในปี ๒๕๑๙ จำเลยไม่ยอมให้โจทก์เช่าทำนาต่อไป โจทก์ได้รับความเสียหายจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เช่านาพิพาทจากจำเลย โจทก์เป็นเพียงผู้รับจ้างทำนา ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยยอมให้โจทก์เช่านาพิพาทเป็นเวลา ๖ ปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ ใช้บังคับ และให้จำเลยให้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ลักษณะการทำนาของโจทก์ในที่พิพาทไม่ถือว่าเป็นการเช่าทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๗
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การเช่านานั้นพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.๒๕๑๗ มาตรา ๔ ได้บัญญัติให้คว่ามหมายไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากการเช่าทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในเมื่อมีบทกฎหมายว่าด้วยการเช่านาไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะแล้ว จะนำบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยการเช่าทรัพย์สินในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้บังคับหาได้ไม่
พิพากษายืน.