คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2450/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่คู่ความจะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 นั้น ต้องเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายนั้นแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าลายเซ็นในใบแต่งทนายความของตนเป็นลายเซ็นปลอม สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทนายจำเลยทำไปจึงตกเป็นโมฆะนั้นไม่ใช่เรื่องจำเลยแพ้คดี เพราะขาดนัดพิจารณาจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่
การขอเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบนั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่าข้อคัดค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนพิพากษา การที่จำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะกระทำไม่ได้นั้นมิใช่การขอเพิกถอนการพิจารณา จะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดชำระหนี้ให้โจทก์ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนอง
จำเลยทั้งเจ็ดยื่นใบแต่งทนายความ แต่งให้นายประเทศเป็นทนายความและขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาอีก ๘ ปีเศษ จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ยื่นคำร้องขอให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ไม่เคยแต่งให้นายประเทศเป็นทนายความมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ลายเซ็นชื่อในใบแต่งทนายความเป็นลายเซ็นปลอม ลายเซ็นชื่อจำเลยที่ปรากฏในเอกสารของโจทก์ในคดีนี้ทั้งหมดก็เป็นลายเซ็นปลอมจำเลยไม่เคยทำสัญญาจำนองกับโจทก์ ไม่เคยได้รับหมายเรียก สำเนาฟ้องหรือหมายนัดพิจารณาของศาลเลย ขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณานับตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องจนถึงวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้งดการบังคับคดีไว้ แล้วดำเนินการพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยจะขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๗ บัญญัติว่าต้องเป็นเรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา คดีนี้จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ขอพิจารณาใหม่โดยอ้างว่า ลายเซ็นในใบแต่งทนายความของตนเป็นลายเซ็นปลอมสัญญาประนีประนอมยอมความตกเป็นโมฆะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเลยแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่ตามมาตรา ๒๐๗ ดังกล่าวแล้วได้ และจะถือว่าเป็นการขอเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ก็ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเลยขอเพิกถอนคำพิพากษาตามยอม หาใช่เพิกถอนการพิจารณาไม่โดยเฉพาะมาตรา ๒๗ วรรคสอง บังคับอยู่ในตัวว่า ข้อค้านเรื่องผิดระเบียบต้องยื่นก่อนศาลพิพากษา ซึ่งเห็นได้ว่าจำเลยจะขอเพิกถอนคำพิพากษาไม่ได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ เสีย

Share