แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จ้างจำเลยทำสวน จำเลยเข้ามาปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยโจทก์มิได้ว่ากล่าวประการใด ถือได้ว่าการเข้ามาอยู่ในที่ดินของโจทก์เป็นการอาศัย มิได้เข้ามาโดยมีข้อสัญญาจ้างตกลงเช่นนั้น ดังนั้น ถึงแม้โจทก์จะยังมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง และยัง มิได้ชำระค่าจ้างเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลย ก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาทนี้อีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จ้างจำเลยมาทำสวน จำเลยได้เข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินโจทก์ ต่อมาจำเลยไม่เอาใจใส่แผ้วถางสวนของโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยก็ไม่ออกขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์จ้างจำเลยไปทำสวนโจทก์ จำเลยจึงเข้าไปเป็นลูกจ้างและปลูกเรือนอยู่ หาได้เข้าไปอาศัยที่ดินและเรือนโจทก์อยู่ไม่ โจทก์ไม่ได้บอกเลิกจ้าง ถ้าบอกและจ่ายค่าจ้างที่ค้างให้จำเลย จำเลยก็จะรื้อถอนเรือนออกไปทันที
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษา ค่าจ้างเป็นคนละเรื่องกับที่จำเลยอยู่ในที่ดินโจทก์โดยไม่มีสิทธิ โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์แล้ว ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์จ้างจำเลยทำสวน จำเลยจึงเข้ามาเป็นลูกจ้างโจทก์และปลูกเรือนลงในที่ดินโจทก์ จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าการที่จำเลยเข้าปลูกเรือนอยู่ในที่ของโจทก์โดยสัญญาจ้างมีข้อตกลงเช่นนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะเข้าไปอยู่ในที่ดินของโจทก์ การที่จำเลยเข้าไปปลูกเรือน โจทก์มิได้ว่ากล่าวห้ามปรามอย่างใดถือได้ว่าเป็นเรื่องอาศัย แม้โจทก์จะยังมิได้บอกเลิกสัญญาจ้าง และยังมิได้ชำระค่าจ้างให้จำเลย ก็เป็นคนละเรื่องกับเรื่องเข้าอยู่นี้ เมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปตามฟ้องแล้ว จำเลยจึงอยู่ในที่พิพาทอีกไม่ได้
พิพากษายืน