แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ตายใช้มีดฟันจำเลยแล้วต่างล้มลงแย่งมีดกัน จำเลยลุกขึ้นได้ก่อนชักอาวุธปืนออกมายิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายมุดหนีไปใต้แคร่จำเลยก้มมองและส่ายอาวุธปืนไปมาแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของแคร่ยิงผู้ตายอีก 2 นัด จากนั้นจำเลยใช้มีดของผู้ตายฟันผู้ตายตรงส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่มากกว่า 3 ครั้งโดยผู้ตายไม่มีโอกาสจะทำร้ายจำเลยได้อีก ภยันตรายเป็นอันผ่านพ้นและสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกระทำการป้องกันสิทธิของตนได้ทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นการหาโอกาสเลือกยิงและฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย มิใช่เป็นการกระทำในขณะไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอันจะอ้างได้ว่าเป็นเหตุบันดาลโทสะ
ความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376กับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามมาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยมีอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก ขนาด 7.65 มม.จำนวน 1 กระบอก ใช้ยิงได้หมายเลขทะเบียน ขก.6/3135 และกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 5 นัด ซึ่งเป็นของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายและจำเลยพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปตามบริเวณที่พักคนงานชั่วคราวของสถานที่ก่อสร้างองค์การโทรศัพท์หมู่ที่ 10 ตำบลหนองกรด อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ กับจำเลยใช้อาวุธปืนที่มีและพาติดตัวไปดังกล่าวยิงนายวิถี วรรณลัย 3 นัด โดยเจตนาฆ่าถูกนายวิถีที่บริเวณศีรษะและลำคอได้รับบาดเจ็บ แล้วจำเลยใช้อาวุธมีดยาวประมาณ1 ฟุต 1 เล่ม ฟันแทงนายวิถีบริเวณลำคอ 3 ครั้ง โดยเจตนาฆ่าจนนายวิถีได้รับบาดเจ็บและจำเลยใช้เตาถ่าน 1 ใบ ทุ่มไปที่ศีรษะของนายวิถี 1 ครั้ง โดยเจตนาฆ่า จนนายวิถีได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา และจำเลยยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน โดยฝ่าฝืนกฎหมายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288, 371,376, 32, 33 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายชัชชัย วรรณุลัยหรือวรรณลัยบุตรของนายวิถี วรรณลัย ผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม,72 ทวิ วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 20 ปี ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือนและฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ปรับ 400 บาท รวมเป็นจำคุก21 ปี และปรับ 400 บาท ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 15 ปี 9 เดือน และปรับ300 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยกระทำผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แล้วใช้อาวุธปืนนั้นยิงนายวิถี วรรณลัย ผู้ตาย จำนวน 3 นัด กับใช้อาวุธมีดฟันผู้ตายหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายตรงที่เกิดเหตุ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงและใช้อาวุธมีดฟันฆ่าผู้ตายเป็นการกระทำโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ เห็นว่า ตามคำเบิกความของนายสมพงษ์ ศรีอ่อนหล้า และนายประจักร แก้วคำใต้ประจักษ์พยานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ความว่า หลังจากถูกผู้ตายใช้มีดฟัน จำเลยกับผู้ตายต่างล้มลงแย่งมีดกัน จำเลยลุกขึ้นได้ก่อนแล้วชักอาวุธปืนออกมาจ้องยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายถูกระสุนปืนร้องโอ๊ยแล้วมุดหนีไปใต้แคร่ จำเลยก้มมองและส่ายอาวุธปืนไปมาแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของแคร่ยิงผู้ตายอีก 2 นัด จากนั้นจำเลยใช้มีดอีโต้ของผู้ตายฟันผู้ตายตรงส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่โดยฟันผู้ตายมากกว่า 3 ครั้ง ดังนี้ เห็นว่า พฤติการณ์ที่ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงนัดแรกแล้วมุดหนีเข้าไปใต้แคร่ ย่อมชี้ชัดว่าผู้ตายไม่มีโอกาสจะทำร้ายจำเลยได้อีก ภยันตรายซึ่งเกิดจากการที่ผู้ตายจะประทุษร้ายจำเลยเป็นอันผ่านพ้นและสิ้นสุดลงแล้วจำเลยจึงไม่อาจกระทำการใด ๆ โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนได้ และการที่จำเลยเดินอ้อมแคร่ก้มดูผู้ตายแล้วยิงผู้ตายอีก2 นัด จากนั้นใช้มีดอีโต้ฟันร่างกายผู้ตายส่วนที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่อีกหลายครั้งปรากฏบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ และคอเกือบขาดอันเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายตามรายงานการชันสูตรพลิกศพเอกสารหมาย จ.2 เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหาโอกาสเลือกยิงและฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตายมิใช่เป็นการกระทำในขณะไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอันจะอ้างได้ว่าเป็นเหตุบันดาลโทสะ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 มานั้นเห็นว่า ความผิดฐานนี้เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้น เมื่อลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้วจึงไม่อาจลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน อีกกระทงหนึ่งได้ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 กับฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ไม่ลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนโดยฝ่าฝืนกฎหมายนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6