คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่ง ระหว่างพิจารณาศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงต่อศาลในคดีแพ่งว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลย ขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลย ผู้ร้องแถลงคัดค้าน ขอให้ดำเนินคดีต่อไปศาลมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามคำคัดค้านของผู้ร้อง ย่อมมีผลเท่ากับศาลไม่อนุญาตตามคำแถลงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบคำสั่งแล้วแม้ในวันนัดต่อ ๆ มา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้มาศาล แต่ศาลก็ได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลทุกครั้ง กรณีดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้าว่าคดีแทนจำเลยแล้วเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันที่คดีแพ่งดังกล่าวถึงที่สุด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 93.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายและศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วเมื่อวันที่ 13มีนาคม 2530 ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ ผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกเป็นคดีแพ่ง เรื่องผิดสัญญาซื้อขาย ระหว่างพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นได้หมายเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เข้าว่าคดีแทนจำเลย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงต่อศาลขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลย ผู้ร้องแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่ผู้ร้องเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2531 คดีถึงที่สุด ต่อมาวันที่ 17 พฤษภาคม2531 ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้เข้าว่าคดีแทนจำเลย คำพิพากษาคดีแพ่งดังกล่าวไม่มีผลผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในอันที่จะให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 93ขอให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงร่วมกันว่า คดีมีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4950/2531 ของศาลชั้นต้น ไม่ขอสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องไว้ดำเนินการ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งต่อไปย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 25 แต่ตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามที่เห็นสมควรก็ได้ เมื่อปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามคำคัดค้านของผู้ร้อง อันมีผลเท่ากับศาลไม่อนุญาตตามคำแถลงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบคำสั่งดังกล่าวของศาลแล้ว แม้ในวันนัดต่อ ๆ มา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมิได้มาศาลก็ได้ แต่ศาลก็ได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบที่หน้าศาลทุกครั้ง กรณีดังกล่าวย่อมถือได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เข้าว่าคดีแทนจำเลยแล้ว เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดี ผู้รองย่อมมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่คดีแพ่งดังกล่าวถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 93
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น.

Share