แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายใช้มีดฟันจำเลยแล้วต่างล้มลงแย่งมีดกัน จำเลยลุกขึ้นได้ก่อนชักอาวุธปืนออกมายิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายถูกกระสุนปืนแล้วมุดหนีไปใต้แคร่ จำเลยก้มมองและส่ายอาวุธปืนไปมาแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของแคร่ยิงผู้ตายอีก 2 นัด จากนั้นจำเลยใช้มีดของผู้ตายฟันผู้ตายตรงส่วนร่างกายที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่มากกว่า 3 ครั้ง โดยผู้ตายไม่มีโอกาสจะทำร้ายจำเลยได้อีก ภยันตรายเป็นอันผ่านพ้นและสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกระทำการป้องกันสิทธิของตนได้ ทั้งการกระทำดังกล่าวเป็นการหาโอกาสเลือกยิงและฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย มิใช่เป็นการกระทำในขณะไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงอ้างเหตุบันดาลโทสะไม่ได้
ความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชนตาม ป.อ. มาตรา 376 กับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามมาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 91 , 288 , 371 , 376 , 32 , 33 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 , 8 ทวิ , 72 , 72 ทวิ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาบุตรของผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 , 371 , 376 พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 , 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 วรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง เรียงกระทงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 20 ปี ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน และฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ปรับ 400 บาท รวมเป็นจำคุก 21 ปี และปรับ 400 บาท ข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 15 ปี 9 เดือน และปรับ 300 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29 , 30 ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยกระทำผิดฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรแล้วใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายจำนวน 3 นัด กับใช้อาวุธมีดฟันผู้ตายหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายตรงที่เกิดเหตุ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง และใช้อาวุธมีดฟันฆ่าผู้ตาย เป็นการกระทำโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ เห็นว่า ตามคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ความว่า หลังจากถูกผู้ตายใช้มีดฟัน จำเลยกับผู้ตายต่างล้มลงแย่งมีดกัน จำเลยลุกขึ้นได้ก่อนแล้วชักอาวุธปืนออกมาจ้องยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายถูกกระสุนปืนร้องโอ๊ยแล้วมุดหนีไปใต้แคร่ จำเลยก้มมองและส่ายอาวุธปืนไปมาแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของแคร่ยิงผู้ตายอีก 2 นัด จากนั้นจำเลยใช้มีดอีโต้ของผู้ตายฟันผู้ตายตรงส่วนของร่างกายที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่ โดยฟันผู้ตายมากกว่า 3 ครั้ง ดังนี้ เห็นว่า พฤติการณ์ที่ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงนัดแรกแล้วมุดหนีเข้าไปใต้แคร่ ย่อมชี้ชัดว่าผู้ตายไม่มีโอกาสจะทำร้ายจำเลยได้อีก ภยันตรายซึ่งเกิดจากการที่ผู้ตายจะประทุษร้ายจำเลยเป็นอันผ่านพ้นและสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกระทำการใด ๆ โดยอ้างว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนได้ และการที่จำเลยเดินอ้อมแคร่ก้มดูผู้ตายแล้วยิงผู้ตายอีก 2 นัด จากนั้นใช้มีดอีโต้ฟันร่างกายผู้ตายส่วนที่โผล่พ้นออกมานอกแคร่อีกหลายครั้งปรากฏบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ และคอเกือบขาดอันเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหาโอกาสเลือกยิงและฟันผู้ตายโดยเจตนาฆ่าผู้ตายมิใช่เป็นการกระทำในขณะไม่อาจจะควบคุมอารมณ์ได้เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอันจะอ้างได้ว่าเป็นเหตุบันดาลโทสะ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ตาม ป.อ. มาตรา 376 มานั้น เห็นว่า ความผิดฐานนี้เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 อันเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้น เมื่อลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้ว จึงไม่อาจลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนอีกกระทงหนึ่งได้ ทั้งนี้ตาม ป.อ. มาตรา 90 ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความอุทธรณ์และฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 กับฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน ตาม ป.อ. มาตรา 376 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ไม่ลงโทษปรับจำเลยในความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยฝ่าฝืนกฎหมาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.