คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยใช้ลูกกุญแจปลอมไขกุญแจประตูรถและติดเครื่องยนต์มิใช่เป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ และกุญแจประตูรถเป็นส่วนหนึ่งของรถ จำเลยลักรถยนต์ไปทั้งคัน ถือไม่ได้ว่าเป็นการลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ตาม มาตรา 335(3)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักรถยนต์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานยศร้อยตรี อันเป็นการมุ่งประสงค์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3) ฐานลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานมิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์โดยแปลงหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นตามมาตรา 335(5) การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตาม มาตรา 335(5) จึงเป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(6) โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาจึงคงลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ตาม มาตรา 334 เท่านั้น
ขณะคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีพ.ศ. 2526 มาตรา 4 ใช้บังคับบัญญัติให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้น ๆ ปรากฏว่าความผิดฐานรับของโจรที่โจทก์ถือเป็นเหตุขอเพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำก่อนวันที่ 6 เมษายน 2525 และได้พ้นโทษไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2525 จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิวไปโดยจำเลยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงานมียศร้อยตรีประจำอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า และจำเลยใช้กุญแจปลอมไขกลอนประตูรถยนต์ซึ่งทำขึ้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์และใช้กุญแจปลอมติดเครื่องยนต์ขับขี่ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕ (๓) (๖), ๘๓ และเพิ่มโทษจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษมาแล้วตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ (๓) (๕) จำคุก ๕ ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๓) และ (๕) นั้น ความผิดตามมาตรา ๓๓๕ (๓) เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ ศาลฎีกาเห็นว่าการใช้ลูกกุญแจปลอมที่เตรียมมาไขกุญแจประตูรถและติดเครื่องยนต์หาใช่เป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ไม่ และกุญแจประตูรถเป็นส่วนหนึ่งของรถ จำเลยลักรถยนต์ตามฟ้องไปทั้งคัน จะถือว่าจำเลยลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา ๓๓๕(๓) ส่วนความผิดตามมาตรา ๓๓๕(๕) เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น ปรากฏว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักรถยนต์ตามฟ้องโดยล่วงว่าเป็นเจ้าพนักงานยศร้อยตรีประจำอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๖) ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน มิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๓๓๕(๕) ศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำฟ้องและบทมาตราในกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยแล้ว เห็นได้ชัดว่าโจทก์มุ่งประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานลักทรัพย์โดยแปลงหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๕) ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามประมวลหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๕) เป็นการลงโทษในเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสี่ นอกจากนี้คดีไม่มีประเด็นในชั้นนี้ว่า จะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์โดยลวงว่า เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๖) ได้หรือไม่ เพราะเมื่อศาลชั้นต้นไม่ปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๖)โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาให้ลงโทษตามบทมาตราดังกล่าวให้เป็นประเด็นขึ้นมาด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลฎีกาจึงลงโทษจำเลยได้ในความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ เท่านั้น
ขณะนี้คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ พระราชบัญญัติล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ใช้บังคับ มาตรา ๔แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ว่าให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในความผิดนั้น ๆ ปรากฏว่าความผิดฐานรับของโจรที่โจทก์ถือเป็นเหตุขอเพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำก่อนวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๒๕ และได้พ้นโทษไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๕ก่อนพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดังนั้นจึงเพิ่มโทษจำเลยตามที่โจทก์ขอไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔จำคุก ๓ ปี คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

Share