คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านโจทก์ชั้นบังคับคดีผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของที่ดินและบ้านที่โจทก์บังคับคดีร่วมกับจำเลย จำเลยได้ปลอมลายมือชื่อ ผู้ร้องนำที่ดินพร้อมบ้านไปขายฝากแก่โจทก์ ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์และกรมที่ดินเป็นจำเลยขอให้เพิกถอน การที่จำเลยขายฝากที่ดินพร้อมบ้านให้แก่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าวก่อนเช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นจะรอฟังผลของคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้น ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นจำต้องรอฟังผลของคดีอื่นก่อนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีไปโดยไม่ต้องรอฟังผลของคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารให้ออกจากบ้านของโจทก์ และชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โจทก์ขอให้บังคับคดี และปิดหมายคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นสามีของจำเลย แต่มิได้เป็นบริวารของจำเลยและเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 28973 แขวงตลาดบางเขน(บางเขน) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร พร้อมกับบ้านเลขที่ 116 ร่วมกับจำเลย จำเลยได้แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโฉนดหาย และขอใบแทนโฉนดใหม่ เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงออกใบแทนโฉนดใหม่ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยได้ปลอมลายมือชื่อผู้ร้องนำที่ดินพร้อมกับบ้านไปขายฝายแก่โจทก์โดยผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอม ผู้ร้องเพิ่งทราบว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องขับไล่เมื่อต้นปี 2532 ผู้ร้องจึงฟ้องต่อศาลแพ่งขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรม เพราะจำเลยปลอมลายมือชื่อผู้ร้องในใบมอบอำนาจตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2957/2532 ระหว่างนายปราโมทย์นาคะลักษณ์ โจทก์ นายโสภณ วีระโสภณ ที่ 1 กรมที่ดิน ที่ 2 จำเลยคดีอยู่ระหว่างส่งสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย ขอให้ศาลงดการบังคับคดีเพื่อรอฟังผลคดีที่ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์กับพวกเป็นจำเลยก่อน
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าวจากจำเลยกับผู้ร้องโดยสุจริต ผู้ร้องอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านโดยอาศัยสิทธิการเช่าของจำเลย จึงเป็นบริวารของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ผู้ร้องฎีกาเพียงประการเดียวว่าขอให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2957/2532 ของศาลชั้นต้นที่ผู้ร้องฟ้องโจทก์เป็นจำเลยที่ 1 กรมที่ดินเป็นจำเลยที่ 2 ขอให้เพิกถอนการที่จำเลยขายฝากที่ดินพร้อมบ้านให้แก่โจทก์เพราะถ้าคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว ก็จะนำข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวมาวินิจฉัยในคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นจะรอฟังผลของคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวหรือไม่ ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลชั้นต้นไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับให้ศาลชั้นต้นจำต้องรอฟังผลของคดีอื่นก่อนแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจพิพากษาคดีไปโดยไม่รอฟังผลของคดีดังกล่าวจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share