คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2444/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดแกลังจับผู้เสียหายอ้างว่า กระทำผิดฐานเมาสุราอาละวาดทั้งที่ไม่เป็นความจริง อันเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และนำตัวผู้เสียหายออกจากบ้านไปไว้ที่แห่งหนึ่ง แล้วจึงปล่อยตัวผู้เสียหายไป อันเป็นความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพตามมาตรา 310 ดังนี้ แม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำหลายอย่าง แต่ก็ด้วยเจตนาอันเดียวกัน คือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นการกระทำต่อเนื่องกันการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นกรรมเดียวกัน แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำเลยที่ 1 จับมือผู้เสียหายกระชากโดยแรงจนผู้เสียหายล้มลงได้รับบาดเจ็บที่นิ้วนางซ้ายและหัวเข่าซ้าย แพทย์ลงความเห็นว่าบาดแผลต้องใช้เวลารักษาประมาณ 5 วันตามพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามมาตรา 295

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านและกลั่นแกล้งจับกุมนายจำรัส คงพลาย ผู้เสียหาย อ้างว่ากระทำผิดฐานเมาสุราอาละวาดเนื่องจากจำเลยโกรธผู้เสียหายที่พูดว่า “ที่นี่ไม่มีไพ่ มีแต่วงเหล้า” อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจับกุมแล้ว จำเลยได้ร่วมกันใช้กำลังกายกระชาก ฉุด ล๊อคคอผู้เสียหายออกจากบ้านไปที่โรงเรียนปัญญาวรคุณซึ่งเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๒๙๕, ๓๑๐, ๓๖๔ (๒), ๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๕๐๒ มาตรา ๑๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๓๑๐ ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจำคุกคนละ ๑ ปี ลงโทษฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจำคุกคนละ ๒ เดือน กับลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำคุก ๒ เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ ๑ ปี ๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ คนละ ๑ ปี ๒ เดือน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ความผิดตามมาตรา ๑๕๗ และ ๓๑๐ นั้นเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท และโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหาย พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามมาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุกคนละ ๑ ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ สำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share