คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2303/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีปลอกกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 7 จะต้องระวางโทษตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง มิใช่วรรคสอง เพราะวรรคสองเป็นบทกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนมาตรา 7 เฉพาะกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืน ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเท่านั้น เมื่อวรรคหนึ่งมีบทกำหนดโทษจำคุกและปรับจึงต้องลงโทษทั้งจำคุกและปรับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ เวลากลางวัน จำเลยมีปลอกกระสุนปืนขนาด .๓๘ มม. ๖ ปลอก ซึ่งเป็นสิ่งประกอบกระสุนปืนอันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ เหตุเกิดที่ตำบลด่าน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยปลอกกระสุนปืนดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐มาตรา ๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพว่าจำเลยมีปลอกกระสุนปืนไว้ในความครอบครองจริงดังฟ้องโดยตั้งใจจะเอาไว้ทำยันต์เครื่องรางให้ลูก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ปลอกกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองเป็นส่วนที่เหลือจากการใช้กระสุนปืนไปแล้ว ไม่ใช่เครื่องกระสุนปืนตามความหมายของกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ปลอกกระสุนปืนของกลางนี้เมื่อบรรจุดินปืนและหัวกระสุนใหม่แล้วก็ใช้ยิงได้ทันทีจึงเป็นเครื่องกระสุนปืนตามความหมายของพระราชบัญญัติอาวุธปืน จำเลยมีความผิดตามฟ้องพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ ให้ปรับจำเลย ๓๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อทางพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับจำเลย ๑๕๐ บาท ไม่ชำระจัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษปรับจำเลยเพียงสถานเดียวเป็นการมิชอบ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว
คดีนี้มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาแต่เฉพาะข้อกฎหมายข้อเดียวว่ากำหนดโทษความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลอุทธรณ์ลงแก่จำเลยเป็นการชอบหรือไม่
พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗๒ ซึ่งถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา ๗๒ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าการฝ่าฝืนตามวรรคหนึ่งเป็นเพียงกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ดังนี้ เห็นได้ว่าผู้มีเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา ๗ นั้น จะต้องระวางโทษตามมาตรา ๗๒ วรรค ๑ มิใช่วรรค ๒ เพราะวรรค ๒ เป็นบทกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนมาตรา ๗ เฉพาะกรณีเกี่ยวกับส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเท่านั้น ฉะนั้น การที่จำเลยมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๗ จึงต้องระวางโทษตามวรรค ๑ ซึ่งกำหนดทั้งจำคุกและปรับ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงแต่โทษปรับจึงเป็นการมิชอบ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะที่เกี่ยวกับกำหนดโทษให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน และปรับหนึ่งพันบาท จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ เหลือโทษจำคุกสามเดือน และปรับห้าร้อยบาท โทษจำคุกให้ยกเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๕ คงให้ปรับแต่อย่างเดียว ถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share