แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางที่ถูกริบในขณะที่จำเลยใช้ทรัพย์ในการกระทำผิดหลังจากที่ศาลริบทรัพย์ของกลางกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของกลางได้ตกเป็นของบุคคลอื่นแล้วผู้ร้องจึงมาร้องขอทรัพย์คืนผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริงที่จะขอทรัพย์คืนได้.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจาก ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานขับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกินอัตรากำหนด เดินบนทางหลวงแผ่นดินตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 295 และสั่งริบรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ข.ก.80-8346 ของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกที่ศาลสั่งริบ ผู้ร้องไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ขอศาลสั่งคืนรถยนต์บรรทุกดังกล่าวแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ศาลสั่งริบไม่มีสิทธิที่จะร้องขอคืนทรัพย์ดังกล่าว
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เดิมรถยนต์คันที่ศาลสั่งริบเป็นของบริษัทสิทธิผลมอเตอร์ จำกัด ผู้รอง ต่อมาบริษัทสิทธิผลมอเตอร์ จำกัดผู้ร้อง ได้ให้บริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด เช่าซื้อไปเมื่อวันที่29 มีนาคม 2525 งวดสุดท้ายจะชำระในวันที่ 15 มิถุนายน 2527 ในวันที่20 ตุลาคม 2526 บริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด ได้ให้นายประเสริฐคำไพบูลย์ เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง ต่อมาวันที่ 3เมษายน 2527 เป็นเวลาที่นายประเสริฐ คำไพบูลย์ ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว และยังชำระเงินค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ นายประเสริฐคำไพบูลย์ จำเลย ในคดีนี้ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปบรรทุกหัวมันมีน้ำหนักเกินอัตรากำหนดเดินบนทางหลวงแผ่นดินเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายจนถูกฟ้องในวันที่ 3 เมษายน 2527 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาในวันนั้นเองให้ลงโทษจำเลยและริบรถยนต์ของกลาง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในวันที่ 3 เมษายน 2527 ที่ศาลสั่งริบรถยนต์ของกลางยังอยู่ในระยะเวลาเช่าซื้อระหว่างผู้ร้องกับบริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด และบริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางจึงยังเป็นของบริษัทผู้ร้องอยู่ แต่ภายหลังที่ศาลสั่งริบรถยนต์ของกลางแล้ว บริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด ได้ชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายเมื่อวันที่15 มิถุนายน 2527 กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลางจึงตกเป็นของบริษัทเจริญศรีมอเตอร์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2527 ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าของอันแท้จริง และเมื่อมายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2527 จึงไม่มีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลางได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.”