คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมสรรพากรจำเลยที่ 5 ฎีกาและยื่นคำร้องว่า กำลังดำเนินการโอนเงินมาเพื่อวางศาลเป็นค่าฤชาธรรมเนียม ขอผัดการวางเงินประมาณ 1 เดือนดังนี้ เป็นการขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมมีกำหนดแน่นอนเท่าที่จะทำได้ ต่อมาจำเลยที่ 5 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 1 เดือนตามที่ขอผัดไว้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตตามคำร้องและสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 5 จึงชอบแล้ว
โจทก์ชำระเงินค่าภาษีอากรตามที่ฝ่ายจำเลยเรียกเก็บโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จำเลยจะอ้างว่าโจทก์กระทำตามอำเภอใจเพื่อชำระหนี้โดยตนรู้ว่าไม่มีความผูกพันที่ต้องชำระอันเป็นลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปีหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกคืนได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องว่า โจทก์ขายน้ำตาลทรายดิบให้องค์การคลังสินค้า แล้วโจทก์ได้ปั่นน้ำตาลทรายดิบดังกล่าวให้มีความชื้นน้อยลงตามที่องค์การ ฯ ต้องการ จำเลยได้เรียกเก็บภาษีการค้าจากโจทก์ โจทก์เกรงว่าจะถูกตรวจสอบและประเมินภาษีจึงนำภาษีการค้าไปชำระให้จำเลยทั้ง ๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเสียภาษีการค้า ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าชำระเงินภาษีดังกล่าวคืนแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่สำนวนให้การว่า โจทก์ขายน้ำตาลดิบโดยต้องนำไปปั่นใหม่ให้ความชื้นเหลือไม่เกินร้อยละ 0.4 จึงไม่เป็นน้ำตาลดิบอีกต่อไปโจทก์จึงต้องเสียภาษีการค้า นอกจากนี้โจทก์รู้อยู่แล้วว่าไม่มีความผูกพันจะต้องเสียภาษี โจทก์ยังคงชำระภาษีเพราะเกรงจะไม่ได้รับการพิจารณา ลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม จึงไม่มีสิทธิรับเงินภาษีคืน และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าคืนเงินภาษีตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งสี่สำนวน
จำเลยทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์ทุกคน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 5 ฎีกาทั้งสี่สำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องและแก้ฎีกาว่าจำเลยที่ 5 ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นฎีกาโดยไม่มีกำหนดแน่นอนเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่ควรสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 5 นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 5 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 5 เป็นส่วนราชการได้ดำเนินการตัดโอนเงินเพื่อวางศาลเป็นค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นฎีกาแล้ว แต่ตามระเบียบต้องผ่านหลายหน่วยงาน ไม่สามารถนำเงินมาวางศาลในวันยื่นฎีกาได้ ขอผัดการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน เช่นนี้ถือว่าจำเลยที่ 5ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการยื่นฎีกาที่มีกำหนดเวลาแน่นอนเท่าที่จำเลยที่ 5 จะทำได้ คือประมาณ 1เดือน ทั้งนี้เพราะจำเลยที่ 5 ไม่อาจทราบได้แน่ชัดว่าเงินที่ตัดโอนมานั้นจะได้มาเมื่อใด ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 5 สามารถนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนด 1 เดือนตามที่ขอผัดไว้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตตามคำร้องของจำเลยที่ 5 และสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 5 จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าน้ำตาลทรายที่โจทก์ทั้งสี่ขายให้แก่องค์การคลังสินค้าเป็นน้ำตาลทรายดิบ
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่ากรณีนี้โจทก์ทั้งสี่ชำระเงินค่าภาษีอากรที่ฝ่ายจำเลยเรียกเก็บโดยอาศัยอำนาจตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หาใช่เรียกเก็บโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมายไม่ จำเลยที่ 5 จะอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่กระทำตามอำเภอใจเพื่อชำระหนี้โดยรู้ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระอันเป็นลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความ 1 ปีหาได้ไม่ โจทก์ทั้งสี่จึงมีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระไปได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ฟ้องของโจทก์ทั้งสี่จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share