คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2350/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บริษัทจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์แต่ชื่อของบริษัทจำเลยที่ 1 มีคำว่า “ฮิลตัน””โฮเต็ล” และ”บางกอก” พ้องกับชื่อโรงแรมฮิลตันที่โจทก์ใช้ในการดำเนินกิจการโรงแรมทั่วโลกจนมีชื่อเสียงมานาน ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดได้ว่าจำเลยที่ 1 คือโจทก์และกิจการของจำเลยที่ 1 คือกิจการของโจทก์จำเลยจึงนำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์มาใช้โดยไม่สุจริต ย่อมทำให้โจทก์เสียหายเพราะโจทก์กับจำเลยที่ 1 ดำเนินธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกัน การที่มีบริษัทอื่นอีกมากมายนำชื่อฮิลตันของโจทก์ไปตั้งเป็นชื่อกิจการของตน หาได้ทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิดีขึ้นไม่และหากไม่ห้ามจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 อาจเปลี่ยนชื่อโรงแรมจำเลยมาใช้ชื่อฮิลตันของโจทก์อีกเมื่อใดก็ได้ โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยใช้ชื่อ ฮิลตัน เป็นชื่อของบริษัทหรือโรงแรมของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลห้ามจำเลยใช้คำว่า ฮิลตัน ทั้งในการเขียนและเรียกขาน ฮิลตัน เป็นชื่อบริษัทจำเลยหรือใช้ในการประกอบกิจการค้าประเภทโรงแรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงแรมสืบไป จำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าห้ามจำเลยใช้คำว่า ฮิลตัน เป็นชื่อบริษัทหรือโรงแรมของจำเลย จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นคงฟังได้ว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ใช้ชื่อว่าบริษัทฮิลตันอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงแรมและบริหารกิจการโรงแรมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกโดยใช้ชื่อฮิลตัน ประกอบชื่อโรงแรม ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ใช้ชื่อว่า บริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ล จำกัดประกอบธุรกิจด้านโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์ เดิมจำเลยจะเปิดดำเนินกิจการโรงแรมโดยใช้ชื่อ ฮิลตัน เรียกขานชื่อโรงแรมโจทก์คัดค้านฝ่ายจำเลยเปลี่ยนชื่อโรงแรมและเปิดดำเนินการโดยใช้ชื่อโรงแรมว่าบางกอกพาเลซ หลังจากฟ้องคดีนี้แล้วโจทก์จึงมาดำเนินการบริหารโรงแรมในประเทศไทย ใช้ชื่อว่าโรงแรมฮิลตันอินเตอร์เนชั่นแนล บางกอก เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2526
ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิใช้คำว่า ฮิลตัน ในการประกอบธุรกิจของจำเลย การใช้คำว่าฮิลตันของจำเลยมิได้ทำให้โจทก์เสียหายแต่อย่างใด เพราะการใช้ชื่อฮิลตันของจำเลยนี้เป็นการใช้ผสมกับคำอื่นคือใช้เป็นคำว่าบริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ลจำกัด ซึ่งมิใช่เป็นชื่อเฉพาะของโจทก์ เมื่อบุคคลอื่นฟังแล้วก็ไม่ทำให้เข้าใจผิด นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1ดำเนินธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อว่าบริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ล จำกัด ในการประกอบกิจการโรงแรมของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดได้ว่าจำเลยที่ 1 คือโจทก์ และกิจการของจำเลยที่ 1 ก็คือกิจการของโจทก์ เพราะชื่อของบริษัทจำเลยที่ 1 นั้นมีคำว่าฮิลตันอยู่ด้วยและมีคำว่าโฮเต็ล ซึ่งแปลว่าโรงแรม ชื่อของจำเลยที่ 1 จึงมีความหมายว่า โรงแรมฮิลตัน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับโรงแรมที่โจทก์ดำเนินกิจการทั่วโลก แม้ในประเทศไทยโจทก์ก็บริหารกิจการโรงแรมฮิลตันอินเตอร์เนชั่นแนล บางกอก ซึ่งคำว่าบางกอกนี้ก็พ้องกับคำว่าบางกอกซึ่งเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 ด้วย เมื่อโจทก์ใช้ชื่อฮิลตันมานานจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก จำเลยที่ 1 นำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์ไปใช้ดำเนินกิจการโรงแรมเช่นเดียวกับโจทก์เช่นนี้ บ่งชี้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้ใช้ชื่อดังกล่าวของตนโดยบังเอิญ แต่นำเอาชื่อฮิลตันของโจทก์มาใช้โดยไม่สุจริต การกระทำของจำเลยที่ 1ดังกล่าวย่อมทำให้โจทก์เสียหายเพราะโจทก์และจำเลยที่ 1ดำเนินธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานครเช่นเดียวกันจำเลยที่ 1 จะต้องแย่งลูกค้าหรือผู้พักอาศัยไปจากโจทก์โดยการใช้ชื่อดังกล่าวได้บ้างและหากจำเลยที่ 1 บริหารกิจการไม่ดี ชื่อเสียงของโจทก์ก็พลอยเสื่อมเสียไปด้วยอันจะมีผลทำให้รายได้ของโจทก์ลดลงเช่นเดียวกันที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าบริษัทอื่น ๆ ก็นำชื่อฮิลตันไปตั้งชื่อของตนอีกมากมาย เช่นบริษัทรองเท้าฮิลตัน จำกัด บริษัทโรงแรมฮิลตันพัทยา จำกัด ฯลฯ นั้น เห็นว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพราะเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบริษัทเหล่านั้นหาทำให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิดีขึ้นไม่ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า จำเลยใช้ชื่อโรงแรมบางกอกพาเลซในกิจการโรงแรมของจำเลยไม่ทำให้คนที่มาพักที่โรงแรมของจำเลยเข้าใจว่าเป็นกิจการของโจทก์ได้นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อว่า บริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ล จำกัด ดำเนินกิจการโรงแรมดังกล่าวก็ย่อมทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่ากิจการของจำเลยที่ 1 เป็นกิจการของโจทก์ได้และหากไม่ห้ามจำเลยที่ 1 ใช้ชื่อ ฮิลตัน เป็นชื่อบริษัทหรือโรงแรมของจำเลยแล้ว จำเลยที่ 1 ก็อาจเปลี่ยนชื่อโรงแรมบางกอกพาเลซของจำเลยมาใช้ชื่อฮิลตันของโจทก์เมื่อใดก็ได้ฎีกาจำเลยที่ 1 ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share