คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กระบือของจำเลยถูกลักไปหลายครั้งคงเหลืออยู่ตัวเดียวคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านจำเลยตามทางที่มีคนเดินประจำ จำเลยยิงผู้ตายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายมาลักกระบือ มีเหตุให้จำเลยต้องป้องกันทรัพย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่ากรณีที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 20 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าในคืนวันที่ 29 มิถุนายน 2524 เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกา จำเลยได้ใช้ปืนยิงนายประสิทธิ์ แก้วแดง ที่หน้าบ้านจำเลย ในขณะที่นายประสิทธิ์จะเดินผ่านบ้านจำเลยไปยังบ้านนายย่าหมาย นายประสิทธิ์ได้รับบาดเจ็บมีคนนำนายประสิทธิ์ส่งโรงพยาบาล นายประสิทธิ์ถึงแก่ความตายในวันที่ 1 กรกฎาคม2524 เพราะบาดแผลที่ถูกยิงที่ท้อง

จำเลยนำสืบว่า กระบือของจำเลยถูกลักไปหลายครั้งแล้ว ในคืนวันเกิดเหตุมีคนร้ายเข้ามาจะลักกระบือของจำเลยในคอก จำเลยจึงใช้ปืนยิงคนร้าย คนร้ายวิ่งหนีไป จำเลยจึงให้นายมุสาดไปแจ้งความแก่ผู้ใหญ่บ้าน

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยฎีกาขึ้นมาเพียงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะยิงผู้ตาย แต่กระทำไปเพราะสำคัญผิด และเพื่อป้องกันตนเองและทรัพย์สินเท่านั้น ซึ่งในข้อหานี้พยานโจทก์และพยานจำเลยรับกันฟังได้ว่าในระยะ 2 ปี ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ กระบือของจำเลยถูกลักไปหลายครั้งรวม5 ตัวแล้วคงเหลืออยู่ตัวเดียว จึงมีเหตุที่จำเลยจะต้องคอยป้องกันดูแลกระบือของตน มิให้ใครมาลักไปอีก ที่จำเลยยิงนายประสิทธิ์ก็คงเข้าใจว่านายประสิทธิ์เป็นคนร้ายมาลักกระบือนั่งเอง เพราะพยานโจทก์และพยานจำเลยรับกันว่าจำเลยกับนายประสิทธิ์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกันทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยจะยิงนายประสิทธิ์ด้วยเหตุอื่นใด เมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยก็ให้นายมูสาดไปแจ้งความแก่ผู้ใหญ่บ้านคืนนั้นเองว่าจำเลยได้ยิงโจรแล้วนายหาญ บุตรเหม ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่าในคืนเกิดเหตุได้สอบปากคำจำเลยจำเลยบอกว่าเหตุที่ยิงเพราะเข้าใจว่าจะเข้ามาลักกระบือ จำเลยบอกด้วยว่าถ้าทราบว่าเป็นนายประสิทธิ์จำเลยจะไม่ยิงและเมื่อทราบว่าเป็นนายประสิทธิ์จำเลยก็ร้องไห้ ข้อเท็จจริงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยยิงนายประสิทธิ์เพราะเข้าใจผิดว่านายประสิทธิ์เป็นคนร้ายลักกระบือนั่นเอง แต่ที่จำเลยนำสืบว่า คนร้ายมีพวกและคนร้ายคนหนึ่งได้เข้าไปเอากระบือในคอกแล้ว จำเลยถามว่าใคร คนร้ายก็วิ่งเข้ามาหาจำเลย จึงต้องยิงเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินนั้น เห็นว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 19.00 – 20.00 นาฬิกาเท่านั้นและโจทก์มีพยานหลักฐานมาสืบฟังได้มั่นคงว่า นายประสิทธิ์ได้เดินผ่านหน้าบ้านจำเลยไปคนเดียว ตามทางที่มีคนเดินประจำ นายประสิทธิ์ถูกยิงหน้าบ้านจำเลยมิใช่ถูกยิงใกล้คอกกระบือ ดังที่จำเลยนำสืบ ซึ่งในข้อนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันมาโดยละเอียดแล้ว จำเลยจึงยังไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ปืนยิงนายประสิทธิ์จนถึงแก่ความตาย แม้จำเลยจะเข้าใจผิดว่านายประสิทธิ์เป็นคนร้าย มีเหตุให้จำเลยต้องป้องกันทรัพย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่าที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกันจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้และตามรูปคดีสมควรกำหนดโทษจำเลยในสถานเบา”

พิพากษาแก้เป็นคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share