คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2441/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องแม้จะเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ก็ตาม เมื่อไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีการที่จำเลยขอระบุพยานเพิ่มเติมอ้างว่าเพิ่งทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์จึงเป็นการขอระบุพยานที่ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่คู่ความจะต้องนำสืบ ศาลชอบที่จะสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานดังกล่าว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามสำนวนฟังได้ว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่า หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่มีผล โจทก์ไม่เคยบอกเลิกการเช่าต่อจำเลยจำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์และค่าเสียหายเพียงเดือนละ200 บาท ในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นไว้ว่า(1) โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้วหรือไม่ (2) โจทก์เสียหายเพียงใด โจทก์นำสืบก่อนทั้ง 2 ประเด็นเสร็จไปแล้ว ทำการสืบพยานจำเลยได้ 1 ปาก จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติม ครั้งที่ 2อ้างว่า จำเลยเพิ่งทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์อันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมขอให้ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานที่จำเลยอ้างเพิ่มเติมไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดีจึงไม่อนุญาต จำเลยฎีกาในปัญหานี้ว่าคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมเพื่อสืบพยานเกี่ยวกับอำนาจฟ้องของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) จึงไม่ใช่เป็นการสืบพยานนอกฟ้องนอกประเด็นนั้น เห็นว่า ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้มีว่า(1) โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบแล้วหรือไม่ (2) โจทก์เสียหายเพียงใด ดังนั้นแม้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี การที่จำเลยจะขอระบุพยานเพิ่มเติมตามคำร้องจึงไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่คู่ความจะต้องนำสืบ ศาลล่างทั้งสองไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share