คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2439/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมอัยการและ กรมการปกครอง มีหน้าที่ร่วมกับ กรมสรรพากรเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้าคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ ประกอบด้วยอธิบดีกรมสรรพากร ผู้แทนกรมอัยการและผู้แทนกรมการปกครองปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งตั้งขึ้นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 กรมอัยการและ กรมการปกครอง หาใช่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ อีกทั้งผู้แทนกรมอัยการหรือผู้แทนกรมการปกครองก็ไม่ได้กระทำในนามของกรม ซึ่งเป็นนิติบุคคลนั้น อันจะถือเป็นการกระทำของกรมหาได้ไม่ กรมอัยการและกรมการปกครองจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานของผู้แทน ซึ่งทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องกรมอัยการและ กรมการปกครอง เป็นจำเลยร่วมกับ กรมสรรพากร จำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาาเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรของจำเลยทั้งสาม ตามแบบ ภ.ส.7 เลขที่ 129-130/2525 โดยให้โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบเสียภาษี
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องกรมอัยการจำเลยที่ 2 และกรมการปกครองจำเลยที่ 3 เพราะมิได้เป็นกรรมการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจเรียกเก็บภาษีจากโจทก์ตามมาตรา 61แห่งประมวลรัษฎากร การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องกรมอัยการ จำเลยที่ 2 และกรมการปกครอง จำเลยที่ 3 เพราะเมื่อตัวแทนของจำเลยดังกล่าวไปกระทำการใด ย่อมต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 รับทราบโดยตลอด และการที่จำเลยที่ 2ที่ 3 ทราบการละเมิดแล้วยังพิจารณายกอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ได้ความตามคำฟ้องของโจทก์ว่า เหตุที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 เพราะจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นกรมในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ร่วมกับจำเลยที่ 1 เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในกรณีของโจทก์นี้ประกอบด้วยนายพนัส สิมะเสถียร อธิบดีกรมสรรพากร นายเสวก วัฯวิจารณ์ผู้แทนกรมอัยการ และนายพิสัย ลิมศิริวงษ์ ผู้แทนกรมการปกครอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งตั้งขึ้นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 กรมอัยการจำเลยที่ 2 ก็ดี กรมการปกครองจำเลยที่ 3ก็ดี หาใช่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ อีกทั้งผู้แทนกรมอัยการหรือผู้แทนกรมการปกครอง ก็ไม่ได้กระทำในนามของกรมซึ่งเป็นนิติบุคคลนั้น ๆ อันจะถือเป็นการกระทำของกรมหาได้ไม่ กรมอัยการจำเลยที่ 2 และกรมการปกครองจำเลยที่ 3 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานของผู้แทนซึ่งทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องกรมอัยการเป็นจำเลยที่ 2 และกรมการปกครองเป็นจำเลยที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 แล้ววินิจฉัยต่อไปว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและการวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share