คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาคดีอาญาไว้กับโจทก์โดยได้รับมอบอำนาจจาก จ.ให้นำที่ดินมาเป็นหลักประกัน จ.ถึงแก่กรรมก่อนที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาประกัน สัญญาประกันเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของ จ.ที่มอบให้จำเลยที่ 1 นำมาเป็นหลักทรัพย์ประกันรายนี้ก็ย่อมเป็นอันระงับลงไม่ตกทอดไปยังทายาท ทายาทผู้รับมรดกของ จ.จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าปรับโจทก์ตามสัญญาประกันดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ นายใจ แตงบุญรอด ได้ทำสัญญามอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ นำที่ดินมาประกันตัวจำเลยที่ ๘ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองไม่รับอนุญาตต่อโจทก์ โดยนายใจยอมรับชอบตามสัญญาที่จำเลยที่ ๑ ได้ทำไว้ต่อโจทก์ทุกประการ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ไม่สามารถส่งตัวจำเลยที่ ๘ ต่อโจทก์ได้และขอผัดผ่อนเรื่อยมา ในที่สุดก็ไม่สมารถส่งตัวจำเลยที่ ๘ แก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ จึงเป็นผู้ผิดสัญญา นายใจต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ฐานผิดสัญญาประกันเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยที่ ๑ เพิกเฉย ส่วนนายใจโจทก์ทราบว่าถึงแก่กรรม โดยมีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ เป็นทายาทผู้รับทรัพย์มรดกซึ่งจะต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ แล้วแต่เพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับ
ทั้งเลยทั้ง ๙ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยนอกนั้นให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ร่วมรับผิดด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาว่า เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาประกันตัวจำเลยที่ ๘ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่ามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่รับอนุญาตไปจากการควบคุมของโจทก์ สัญญาว่าจะนำตัวจำเลยที่ ๘ มามองให้โจทก์ตามวันเวลาที่กำหนดไว้หรือที่จะกำหนดภายหลัง หากผิดสัญญายอมใช้เงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท และในวันทำสัญญาได้กำหนดนัดให้ส่งตัวจำเลยที่ ๘ ในวันที่ ๒๘ เดือนเดียวกัน ทั้งนี้โดยจำเลยที่ ๑ ได้รับมอบอำนาจจากนายใจให้นำที่ดิน น.ส.๓ มาเป็นหลักประกัน เมื่อถึงกำหนดนัดจำเลยที่ ๑ ขอเลื่อนนัดและขอเลื่อนนัดต่อๆ มาหลายครั้ง กำหนดนักครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๐ นอกจากขอเลื่อนนัดแล้ว จำเลยที่ ๑ แจ้งให้ทราบว่านายใจเจ้าของที่ดินถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๒๐ ครั้นกำหนดนัดครั้งที่ ๕ สุดท้าย เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ ก็ไม่สามารถส่งตัวจำเลยที่ ๘ ได้ อ้างว่าหลบหนีโจทก์ถือวาจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาให้นำเงินมาชำระตามสัญญาภายใน วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ ทราบคำสั่งแล้ว แต่ก็ไม่ชำระ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ ซึ่งเป็นทายาทของนายใจร่วมรับผิดชำระหนี้ค่าปรับ แต่จำเลยดังกล่าวเพิกเฉยและวินิจฉัยว่าแม้ตามสัญญาประกันหมาย จ.๑จะได้กำหนดวันเวลาให้จำเลยที่ ๑ ส่งตัวจำเลยที่ ๘ ผู้ต้องหาในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ ก็ดี แต่เมื่อถึงวันกำหนดนัดปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ยื่นหนังสือขอเลื่อนการส่งตัวในวันอื่นและได้รับอนุญาตจากโจทก์ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๓ และจำเลยที่ ๑ ยื่นหนังสือขอเลื่อนการส่งตัวต่อมาอีกหลายครั้งก็ได้รับอนุญาตจากโจทก์ทุกครั้งปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๔ ถึง จ.๖ ครั้นถึงกำหนดนัดส่งตัวครั้งสุดท้ายคือวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐ จำเลยที่ ๑ ยื่นหนังสือต่อโจทก์อีกอ้างว่าไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ ๘ ผู้ต้องหามาส่งได้เพราะหลบหนี โจทก์จึงถือว่าจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาประกัน ดังนี้ จะถือว่าจำเยที่ ๑ และนายใจผิดสัญญาประกันตั้งแต่กำหนดนัดครั้งแรก คือวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๐ หาชอบไม่ เพราะโจทก์ยอมให้มีการส่งตัวผู้ต้องหาได้ในภายหลังโดยมิได้ถือว่าเป็นการผิดสัญญาแต่อย่างใด โจทก์เพิ่งถือว่าจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๒๐ นายใจถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๒๐ ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาประกัน เมื่อนายใจถึงแก่กรรมลงในระหว่างที่จำเลยที่ ๑ ยังไม่ผิดสัญญาประกันและยังไม่มีหนี้ปรับไหมฐานผิดสัญญาเกิดขึ้น สัญญาประกันเฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายใจที่มอบให้จำเลยที่ ๑ นำมาเป็นหลักทรัพย์ประกันรายนี้ก็ย่อมเป็นอันระงับลงไม่ตกทอดไปยังทายาท จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๙ จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาประกัน
พิพากษายืน.

Share