คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในวันชี้สองสถานคู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกัน ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงจากคำแถลงรับของคู่ความและเอกสารที่คู่ความนำส่งศาลเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลย ศาลภาษีอากรกลางย่อมมีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่คู่ความยอมรับกันดังกล่าวและข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารที่จำเลยนำส่งต่อศาลมาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของโจทก์มีเหตุอันควรงดหรือลดเบี้ยปรับให้มากกว่าที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดให้หรือไม่ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 และ 20 ประกอบข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ. 2544 ข้อ 16 และ 21

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะ เลขที่ 12920060/6/100006 ลงวันที่ 10 เมษายน 2545 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เลขที่ สภ.12 ตง./148/2546 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2546 เฉพาะกรณีเบี้ยปรับให้เรียกเก็บเพียงร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย ส่วนคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า เมื่อศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยและพิพากษาว่าการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีธุรกิจเฉพาะของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ไม่มีเหตุหรือข้อเท็จจริงที่ศาลภาษีอากรกลางจะวินิจฉัยลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นได้ การที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์คงเหลือเรียกเก็บเพียงร้อยละ 30 ของเบี้ยปรับตามกฎหมายนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณาและตามข้อเท็จจริง เห็นว่า ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยก็สืบเนื่องมาจากการที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในวันชี้สองสถาน ซึ่งศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงจากคำแถลงรับของคู่ความและเอกสารที่คู่ความนำส่งศาลเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว ศาลภาษีอากรกลางจึงมีอำนาจนำข้อเท็จจริงที่คู่ความยอมรับกันในวันชี้สองสถานดังกล่าวและข้อเท็จจริงจากพยานเอกสารที่จำเลยยื่นต่อศาลมาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของโจทก์มีเหตุอันควรงดหรือลดเบี้ยปรับให้มากกว่าที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดให้หรือไม่ตามบทบัญญัติแห่ง พ .ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 17 และมาตรา 20 ประกอบด้วยข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ. 2544 ข้อ 16 และ 21 เป็นการชอบด้วยวิธีพิจารณาคดีภาษีอากรแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น.

Share